รีวิวไต้หวัน 5 วัน 5 โปรแกรมยอดฮิต “ไทเป – เย่หลิว – จิ่วเฟิ่น – sun moon lake” บอกหมดตามได้ชัวร์!

———-

ไต้หวันเป็นประเทศที่ไปแล้วไปอีกไปแล้วไปอีกก็ไม่เบื่อ! ธรรมชาติก็ดี เดินทางสะดวก บ้านเมืองสะอาด และที่สำคัญ ชานมไข่มุก เลิศศศศ!!  มีคนถามเรามาหลายคนว่าไปไต้หวันครั้งแรกจัดทริปยังไงดี … เอาเป็นว่าไม่พูดเยอะ เอารีวิวนี้ไปลอกได้เลย กดปริ้นแล้วถือขึ้นเครื่องเลยจ้ะรับรองไม่มีหลง!  โปรแกรมยอดฮิตเวอร์ 6 วัน 5 คืน เก็บหมดทุกสถานที่ฮิต สถานที่เด็ด

ข้อมูลก่อนออกเดินทาง

#วีซ่า

ไต้หวันไม่ต้องใช้วีซ่า ถือพาสปอร์ตไทยเดินสวยๆเข้าได้เลย
#EASYCARD

ซื้อเถอะ เควรใช้บัตร Easy Card เพราะสะดวกมากๆ ทั้ง MRT, รถเมล์, 7-11, Familymart ครอบคลุมหมด ค่าบัตร 100 TWD คืนไม่ได้นะ แต่ใช้ได้หลายปี**

#ซิมการ์ด

คิดอะไรไม่ออกบอก AIS SIM2Fly เจ้าประจำ นี่ใช้งานทุกเดือนจนจะกลายเป็นซิมหลักในเครื่องอยู่แล้ว! ไปประเทศไหนก็ใช้ได้ ตอนนี้ก็ใช้งานมากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก แน่นอนว่าไต้หวันก็ใช้ได้ ซื้อราคาซิม 399 บาทใช้ได้ 4 GB  เหมือนจะน้อยแต่บอกเลยถ้าไม่เอามาดูยูทูปแบบดูไปเรื่อยรับรองว่าไม่หมด ไม่ว่าจะเอาไว้อ่านรีวิว อัพรูปอวดเพื่อน เปิดแผนที่ เช็คตาราง ซื้อตั๋วรถไฟ ยังไงก็พอ 

ที่เราชอบมากกกกกกก นอกจากสัญญาณดี ราคาประหยัดแล้วเงื่อนไขต่างๆเค้ายังแฟร์มากๆ

  1. แพ็กเกจจะเริ่มนับการใช้งานเมื่อเริ่มใช้เน็ตที่ต่างประเทศ  (ซื้อไปก่อนได้เลยโดยไม่ต้องกังวล ) และยังนับวันแบบ 24 ชั่วโมงจึงเป็น 1 วัน
  2. เมื่อแพ็กหลักเน็ตหรือวันหมดหากมีแพ็กเสริมจะต่อแพ็กให้ทันที จึงสามารถสมัครแพ็กเสริมรอไว้ได้ทุกเวลาตั้งแต่อยู่เมืองไทย
  3. หากไม่ได้ใช้แพ็กเสริมที่ซื้อไว้ จะคืนเงินเข้ากระเป๋า SIM2Fly ให้ภายใน 15 วันหลังจากแพ็กหมดอายุ
  4. ข้อนี้คุ้มมากคือมีส่วนลดเกี่ยวกับการท่องเที่ยวจากบริษัทชั้นนำ ทั้งประกันเดินทางจาก AXA เริ่มแค่ 85 บาท/ทริป ช็อป King Power duty free ลดสูงสุด 20%, พาสรถไฟ ตั๋วเข้าที่เที่ยวบน Klook ลด 500 บาท (เมื่อซื้อ 4,000 บาท) เรียกได้ว่าส่วนลดมากกว่าราคาซิมอีก คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์นะ : http://m.ais.co.th/d6HoD8qsq

 

#จองล่วงหน้าได้ส่วนลด

สำหรับการจองหลายอย่างในไต้หวันสามารถจองได้ถูกกว่าเมื่อผ่านเว็บไซต์ www.klook.com และถ้าใช้ SIM2Fly อยู่แล้วอย่าลืมกดรับสิทธิ์เพื่อรับส่วนลดอีก 500 บาท(ซื้อขั้นต่ำ4,000 บาท)เมื่อจองผ่าน KLOOK ทั้งตั๋วรถไฟ THSR / ตั๋วเข้าเย่หลิว / บัตรเข้า Taipei101 ทั้งหมดนี้สามารถจองได้หมดเลย  

  • กดรับสิทธิ์: *111*5*14#
  • ใช้สิทธิ์ซื้อพาสและตั๋วและกิจกรรมต่างๆ: www.klook.com
  • จำนวนสิทธิ์: 1 สิทธิ์/เบอร์/โครงการ และสิทธิ์ทั้งหมด 1000 สิทธิ์/โครงการ
  • ระยะเวลากดรับสิทธิ์และซื้อสินค้า 3 ต.ค. – 31 ธ.ค. 61

 


Day 1: Airport – Yehlui Geopark – Jiufen

บินจากดอนเมืองด้วย Tigerair มาถึงสนามบินเถาหยวน (Taoyuan Int’l Airport) ประมาณเที่ยงคืน กว่าจะผ่านตม.  รับกระเป๋า โน้นนี่นั่นก็เกือบตีหนึ่งล่ะ เราก็เลยเดินสำรวจรอบๆสนามบิน ซื้อ Easy Card ที่ 7-11 (อยู่ชั้นล่าง) คืนนี้โรงแรมเราคือสนามบิน! หาที่นอนเอาแรงหลับในสนามบินเดียวพรุ่งนี้จะได้พร้อมออกเดินทางแต่เช้า

เข้าเมือง

จากสนามบินให้นั่ง MRT Express Line (สีม่วง) ไปลง Taipei Main Station (ราคาตั๋ว 160TWD แต่ถ้าจ่ายผ่าน Easy Card จะลดเหลือ 150 TWD ) 

ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที มาถึง Taipei Main Station ให้เพื่อนๆออกทางออก M2 เพื่อไปที่ Bus Station จากนั้นขึ้นรถเมล์สาย 1815 ไป Yehliu (นั่งรถประมาณ 1.5 ชม. ค่ารถ 96TWD)

** รถเมล์ที่นี่เรียกว่าเหมือนรถทัวร์(ที่ดีกว่า)บ้านเรา เป็นรถชั้นเดียวแต่ยกสูง เบาะนั่งปรับเอนได้ มีที่วางแก้วน้ำ พร้อม USB ชาร์จแบตได้ เป็นรถแอร์ทั้งหมด มีป้ายเป็นตัวหนังสือวิ่งทั้งภาษาจีนและอังกฤษว่าป้ายต่อไปคือที่ไหน พร้อมเสียงคนพูด เวลาจ่ายเงินก็ใช้บัตร Easy Card แตะ สะดวกสุดๆ (อาจจะแตะตอนขึ้น หรือลงรถ ต้องสังเกตเอา)

 

อย่านั่งเพลินล่ะ ให้กดกริ่งลงป้ายที่บอกว่า Yehliu geopark (แนะนำให้เปิด Google Maps ไปด้วยนะ จะได้ไม่เลยป้าย ซึ่งสัญญาณของ AIS SIM2Fly ก็ไม่เคยทำให้เราผิดหวัง เร็วตลอดทุกที่จริงๆ ) พอลงมาแล้วจะเจอกับป้าย Yehliu Geopark ให้เลี้ยวซ้าย เดินไปตามถนนบนทางสีเขียว (ที่เป็นทางสำหรับคนเดิน)ระหว่างทางก็จะเจอกับท่าเรือชาวประมง เพราะ Yehliu อยู่ติดกับทะเล แล้วยังมีร้านอาหารทะเลอีก 3-4 ร้านให้เลือกฝากท้องด้วย

เดินประมาณ 10-15 นาทีก็ถึงบูธขายบัตร บัตรเข้า Yehliu ราคา 80 TWD (จะอยู่นานแค่ไหนก็ได้) เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น. ซึ่ง Yehliu เป็นสถานที่ยอดฮิตในหมู่นักท่องเที่ยว เพราะที่นี่เต็มไปด้วยหินรูปทรงแปลกตาจำนวนมาก เรียงรายอยู่ริมทะเล ว่ากันว่าเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากการกัดเซาะน้ำทะเล กระแสลม และการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลก โดย Highlight ของที่นี่คือ Queen’s Head ซึ่งเป็นหินที่มีรูปร่างเหมือนส่วนหัวราชินี (คิวถ่ายรูปยาวมากกกกกกกก) สำหรับใครที่ไม่อยากรอคิวนาน ก็สามารถเดินไปชมหินรูปร่างอื่นๆ ได้
**ที่นี่ห้ามเอามือไปสัมผัส โอบ กอด หรือปีนนะ จะมีคุณพี่รปภ. คอยสังเกตการณ์และเป่านกหวีดไล่**

หลังจากถ่ายรูปจนหนำใจแล้ว ก็มาฝากท้องกับข้าวกล่องที่ 7-11 อ้ะๆข้าวกล่องหน้าตาดี รสชาติ และราคาจับต้องได้นะ แล้วก็ไม่แพงอย่างที่คิด กินอิ่มก็ออกเดินทางต่อไปที่ Jiufen โดยเราจะไปขึ้นรถที่ฝั่งตรงข้ามกับจุดที่ลงรถเมื่อเช้า หรือให้สังเกตจากป้ายรถเมล์ว่ามีสาย 790 รึป่าวก็ได้ ให้นั่งรถเมล์สาย 790 ไปลงที่ Keelung แล้วต่อสาย 788 ไปลง Jiufen (รวมเวลารอรถ+เดิน+นั่งรถประมาณ 3 ชม.)

สำหรับรถเมล์สายตจว. หรือนอกเมืองของไต้หวัน รถจะค่อนข้างเก่ากว่า เล็กกว่า แต่ก็ถือว่าโอเค ไม่ลำบาก สำหรับคนที่ชอบเที่ยวแบบลุยๆ แต่ถ้าใครไม่อยากเสียเวลา ก็มีแท็กซี่จาก Yehliu ไปJiufen ส่วนราคาก็ต้องต่อรองกับคนขับเอาเอง

 

คืนแรกเราพักที่ Jiufen Hui Ming Homestay II ห้องที่จองเป็น Twin bed ,Sea view (2,000 TWD/Night) ตอนแรกคิดว่าจะได้พักบ้านที่เช็คอิน แต่พอคุยแล้วจ่ายเงินเรียบร้อย คนดูแลก็พาไปบ้านอีกหลังที่อยู่ไม่ไกลกันมากด้านล่างจะเป็นตู้น้ำ อ่านล่างมือ ที่เก็บร่ม (พื้นที่ส่วนกลาง) เดินขึ้นไปอีก 2 ชั้นจะเจอกับห้องพักที่จองไว้ ระหว่างทางเดินแคบๆ จะมีโทรศัพท์ที่เอาไว้โทรตอนเช็คเอ้าท์ ห้องที่พักเป็นห้องเล็กๆ มีเตียงเดี่ยว 2 เตียงวางชนกันเป็นแนวยาว มีโต๊ะเก้าอี้ สำหรับนั่งกินอะไรได้นิดหน่อย โดยรวมห้องถือว่าโอเคเลย

ช่วงเย็นๆ ก็ออกไปเดิน Jiufen Old Street ตลาดขายของกินของฝากที่ใครๆต่างก็ต้องมา ระหว่างทางมีวิวให้ดูหลายที่เลยล่ะ หรือใครจะเดินดูบรรยากาศของบ้านเรือนแถวนั้นก็ได้ เรียกว่า อากาศดี หายใจได้เต็มปอดจริงๆ

ในตลาดขายของกินเหมือนกันแทบจะทุกร้าน มีหลายอย่างเลือก ไม่ว่าจะเป็น ไอติมถั่วตัด (ไอติม กินกับถั่วตัดและผักชีส่วนผสมดูไม่เข้ากัน แต่รสชาติดันอร่อยแหะ), Taroball รสชาติเหมือนถั่วแดงต้มใส่บัวลอย, บะหมี่เนื้อ อันนี้ดีมาก ต้องลอง, กุนเชียงย่าง (ใส่เหล้าด้วย) อันนี้ก็รสชาติดี และมีอีกหลายอย่างที่ไม่ได้กิน (เพราะอิ่มมาก)

หาของกินเสร็จก็ได้เวลาไปถ่ายรูปมุมมหาชนนั่นก็คือ ร้านน้ำชา A Mei Tea House บอกก่อนว่าไม่ได้เข้าไปกินชานะ เพราะรู้สึกว่าราคาแพง (700TWD/set) เลยได้ไปถ่ายรูปด้านหน้าร้าน มุมที่ทุกคนถ่ายนั่นแหละ แต่ด้วยความที่ฝนตกหนัก ภาพมันก็เลยออกมาแบบชุ่มช่ำนั่นเอง


Day 2: Jiufen – Longshan Temple – Maokong Gondola – Shilin Night Market

วันนี้เริ่มต้นด้วยความตั้งใจว่าจะถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้น ตั้งใจเช็คเวลาพระอาทิตย์ขึ้นซะดิบดี แต่ฟ้าไม่เข้าข้างสะงั้น ฝนตกตั้งแต่เช้า หนักบ้างเบาบ้างสลับไป เช้านี้เลยฝากท้องที่ 7-11 เหมือนเดิม Recommend ว่าสำหรับใครที่อยากกินชานม หาซื้อง่ายๆได้ตาม 7-11 มีหลายแบบ หลายยี่ห้อ หลายรสชาติให้ชิม บางทีมีโปรซื้อ 2 ขวดลดราคาด้วยนะเรียกว่า กินชานมจนจุกไปเลย

หลังจากไปเดินดูบรรยากาศ และตลาด Jiufen อีกรอบยามเช้า ก็เช็คเอ้าท์เตรียมเดินทางเข้า Taipei จากที่พักให้เดินลงไปทางซ้าย ขึ้นรถเมล์หน้าสถานีตำรวจ นั่งสาย 965 ไปลง MRT Ximenting นั่งยาวๆ ประมาณเกือบ 2 ชม. ค่ารถ 90TWD (โชคดีมากที่สาย 965 เพิ่งเปิดวิ่ง ไม่ต้องต่อรถให้เหนื่อย)

ที่พักวันนี้คือ Diary of Taipei Hotel-Wanguo Branch (1,780 TWD/Night) จาก MRT เดินไปทาง Ximen ประมาณ 5 นาที ก็ถึง รร.อยู่ชั้น 12 ของตึก อยู่ใจกลาง Ximen (อารมณ์เหมือนสยามสแควร์) อยากจะกิน จะช้อป สะดวกสุดๆ ที่พิเศษอีกอย่างคือ จากห้องพัก จะมองเห็นตึก Taipei 101 ด้วยนะ
**แนะนำว่าต้องมาพัก**
** ลืมบอกไปว่า โรงแรมที่ไต้หวันส่วนมากจะเช็คอิน 15.00น. เช็คเอ้าท์ 12.00น. (มาก่อนก็ฝากกระเป๋าไว้ได้)**
จาก Ximen ก็ไปวัด Longshan อยู่ห่างประมาณ 1.5 กม. ถ้าไม่อยากนั่ง MRT ก็เดินไปได้ ระหว่างทางมีจุดให้แวะถ่ายรูปที่ Bopiliao Historical Block หลายมุมเลยล่ะ

วัด Longshan เป็นวัดดังในย่านนี้ และคนไทยรู้จักกันดี เพราะดังในเรื่องเครื่องราง โดยเฉพาะเรื่องความรัก จุดที่ซื้อจะอยู่ทางซ้ายเมื่อเดินเข้าไปข้างในวัด วิธีซื้อคือให้เขียนเลขของเครื่องรางที่จะเอา พร้อมจำนวน แล้วยื่นให้พนักงานจ่ายตังค์เสร็จรอรับของได้
**มีแผ่นกระดาษเขียนบอกว่าเบอร์ไหนช่วยเรื่องอะไร มีทั้งภาษาไทยด้วย ไม่ต้องกลัวอ่านไม่ออกจ้า**


ไหว้พระเสร็จไปต่อที่ กระเช้า Maokong ให้นั่ง MRT จากวัด Longshan ไปเปลี่ยนเป็นสายสีเขียว แล้วลงที่ Chiang Kai-Shek Memorial Hall Station เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ไปลง Taipei Zoo Station ให้ออกทางออกที่เขียนว่าไป Maokong Gondola ไม่หลงชัวร์

กระเช้าที่นี่มีให้เลือกทั้งแบบพื้นธรรมดา และพื้นใส หรือคริสตัล แต่ราคาเท่ากันนะ 120 TWD/เที่ยว (ใช้บัตร Easy card จ่ายได้)

เพื่อนที่อยู่ไต้หวันแนะนำว่า คนส่วนใหญ่มาที่นี่ ก็จะมาพักผ่อน เดินเล่นชมบ้านเรือน แล้วก็นั่งจิบชาดูวิว(ด้านบนมีร้านชาหลายร้านเลยล่ะ)

 

และที่คนนิยมก็คือมาถึงแล้วต้องกินไอติมชาเขียวรูปแมว (อันละ 90TWD) มาถึงแล้วก็ต้องไม่พลาดชิม รสชาติถือว่าโอเค แต่ไม่ได้เลิศกว่าที่อื่นนะ 555

ที่เด็ดสุดๆก็คงเป็นวิวเมืองไทเปที่เห็นไกลสุดลูกหูลูกตา มองเห็นไกลถึง taipei 101 เป็น The must ที่ยังไงก็ต้องมา !

เดินเล่น ถ่ายรูปเสร็จ ก็ได้เวลากลับ ขากลับใครจะต่อคิวนั่งกระเช้าลงก็ได้ หรือถ้าคิวยาวไม่อยากรอแบบเรา ก็มีรถเมล์นะ (รถเมล์สาย 15 ค่ารถ 15TWD) จอดส่งที่ MRT: Taipei Zoo Station ที่เรามานั่นแหละ นั่งรถประมาณ 30 นาทีก็ถึง ถ้าเทียบกับรอคิวกระเช้าก็น่าจะพอๆกัน

จาก Maokong Gondola เรานั่งรถเมล์สาย 1 ไปลง Taipei 101 ที่จองตั๋วไว้แล้ว แต่ดันมาช้า + ฟ้าไม่เปิด วันนี้เลยได้ถ่ายรูปกับวิวนอกตึกแทน

ค่ำนี้ไปตะลุยกินกันที่ตลาดกลางคืน Shilin Market จาก Taipei 101 นั่ง MRT สายสีแดงไปลง Jiantan Station เดินไปอีกนิดจะเจอของขายเยอะๆนั่นแหละใช่เลย ลุยโลด

ที่นี่เป็นตลาดนัดกลางคืนชื่อดังในหมู่นักท่องเที่ยว มีของกินเยอะมากกกกกกกกกก ไม่ว่าจะเป็น น้ำวุ้นกบ, ไก่ทอด Hot Star, บะหมี่อาจง, ซาลาเปาโอ่ง บอกเลยว่าไล่ไม่ครบ 5555 นอกจากนี้ยังมีเกมส์ปาเป้า ปาลูกโป่ง และอีกหลายเกมส์ให้เล่น (คล้ายงานวัดบ้านเรานั่นแหละ)

กินเสร็จก็ว่าจะนั่ง MRT กลับที่พัก แต่คิดว่าไปแวะ Chiang Kai-Shek Memorial Hall ก่อนจบวันแรกในไทเปซะหน่อยดีกว่า

Day 3: Sun Moon Lake

ก่อนกลับที่พักเมื่อวาน แวะไปเอาตั๋ว THSR ที่เราได้ซื้อไว้ล่วงหน้าที่ Taipei Main Station ก่อน (ซื้อล่วงหน้าทางเว็บไซต์มีลดราคาด้วยนะ) เพราะกลัววันรุ่งขึ้นจะสาย แล้วตกรถไฟ วันนี้เลยไม่ต้องรีบมามากแค่ไปให้ทันก็พอ นั่ง MRT จาก Ximen ไปลง Taipei Main Station แล้วนั่ง THSR ไป Taichung

**ที่ไต้หวัน รถไฟมาและออกตรงเวลาและที่นั่ง THSR ก็ Fix ตามที่จองไว้ นั่งมั่วไม่ได้เอาของกินไปกินบนรถไฟได้ด้วย**

เรานั่งรถไฟรอบ 7.11-8.15น. (จริงๆมีรอบเช้ากว่านี้ แต่กลัวตื่นไม่ไหว) มาถึง Taichung ให้เดินไปทาง Exit 5 เพื่อไปซื้อ SML Pass (เราซื้อแบบ 730 TWD รวมรถบัสไปกลับ SML-Taichung, กระเช้า, เรือ, รถเมล์รอบ SML) ซื้อตั๋วเสร็จก็ไปรอรถบัสสาย 6670 ที่ชานชาลา 3 เพื่อไป Sum Moon Lake (ช่วงที่เราไปคนรอคิวค่อนข้างยาว) ก่อนขึ้นรถก็ยื่น SML Pass ให้แล้วขึ้นไปนั่งได้เลย นั่งรถประมาณ 1.45 ชม.

 

ที่นี่เน็ตจาก AIS SIM2Fly ก็ยังแรงไม่ตก เรามาถึง 10.30น. เปิด Google map แล้วมุ่งไปเช็คอินที่พักก่อนเลย วันนี้พักที่ Mei Jen House (1,800 TWD/Night) มี 4 ชั้น อารมณ์เหมือน Guest House แต่เจ้าของให้บริการดีมากมีอาหารเช้าให้เลือกระหว่างร้านเบเกอร์รี่ชื่อ 80 C กับบัตรเงินสด 7-11, มีมุมบริการ ชา กาแฟ น้ำดื่ม ตลอด 24 ชม., มีโปสการ์ดแจกฟรี แล้วก็มีบริการพาไปดูพระอาทิตย์ขึ้น เรียกว่า บริการครบ จบที่นี่เลย หลังฝากกระเป๋าเสร็จ ก็ออกไปเที่ยวกัน

 

ออกจากที่พัก เดินไปทางขวาไปท่าเรือ Shuishe Pire เพื่อนั่งเรือเที่ยว (รวมใน SML Pass แล้ว) จะนั่งเรือกี่เที่ยวก็ได้ แต่เรือจะวิ่งทางเดียวจากสถานี 1,2,3 ฉะนั้นต้องวางแผนให้ดีว่าจะไปไหนก่อนหลัง เราเลือกนั่งเรือไปลงสถานีที่ 3 Ita Thao Pier เพื่อขึ้นกระเช้า SML หรือ Ropeway Station ก่อน เพราะกลัวช่วงบ่ายๆ คนจะเยอะ บวกกับกลัวว่าฝนจะตก ฟ้าไม่เปิดแล้วอดดูวิว

 

จากท่าเรือต้องเดินไปสถานีเพื่อขึ้นกระเช้าประมาณ 850 เมตร มีป้ายบอกตลอดทางนะ ระหว่างทางก็มีร้านขายของกิน ของฝาก สลับกับบ้านเรือนอยู่เต็ม 2 ข้างทาง ไม่นานก็เดินมาถึงทางเดินไปสถานีขึ้นกระเช้า มีต้นไม้ทั้ง 2 ข้าง ร่มรื่นดี ไม่ร้อนมาก ไปถึงสถานีก็รอคิวเพื่อขึ้นกระเช้า ซึ่งมีให้เลือก 2 แบบทั้งแบบพื้นธรรมดา และพื้นคริสตัล (ซึ่งราคาเท่ากัน และแน่นอนว่ารวมใน SML Pass แล้ว) ด้วยความที่มาเร็ว เลยได้นั่ง 1 ตู้ แบบไม่มีคนอื่น อยากบอกว่า ระหว่างทางที่ขึ้นกระเช้า วิวสวยมากกกกกก มองเห็นทะเลสาบทั้งหมด ขอบอกว่าไม่ขึ้นแล้วจะเสียดายมากๆ

ขึ้นมาถึง ด้านบนจะมีหมู่บ้านวัฒนธรรมให้เดินเข้าไปชม แต่ต้องเสียเงินค่าเข้านะ ถ้าใครซื้อ SML Pass แบบรวมค่าเข้าแล้ว ก็เข้าได้เลย ราคา Pass รวมค่าเข้าชมประมาณ 1,100 TWD แต่ถ้าใครไม่ได้ซื้อมาแบบเรา ก็แค่ถ่ายรูปนิดหน่อย ไม่ต้องเข้าไปข้างในก็ถือว่าไม่ผิดอะไร 5555 เสร็จก็ไปรอคิวกระเช้ากลับ

ก่อนไปท่าเรือ ก็แวะหาของกินแถวร้านที่อยู่ใกล้ๆ ท่าเรือ แล้วรอเรือเพื่อกลับไปสถานีที่ 2 ซึ่งต้องนั่งไปลงสถานีที่ 1 ก่อน (เรือวิ่งจากท่าที่ 1 >> 2 >>3 แบบไม่มีย้อนกลับ)

สถานีที่ 2 Xuanguang Pier เป็นที่ตั้งของวัดพระถังซัมจั๋ง (XuanguangTemple) และร้านไข่ต้มใบชา (อาม่า) ไหว้พระ ถ่ายรูปเสร็จ อย่าลืมกินไข่ต้มใบชา ของขึ้นชื่อที่นี่นะ ( 1 ฟอง 13 TWD/ 2 ฟอง 25 TWD) บอกเลยว่าไม่เหมือนกับไข่ต้มสีดำที่ขายใน 7-11 หรือ Familymart นะถ้ามาถึงแล้วต้องไม่พลาด


จากตรงนี้เราจะไป Wenwu Temple วัดดังอีกแห่งของที่นี่ กิมมิคของที่นี่คือ คนที่มาส่วนใหญ่จะมาแขวนกระดิ่งวันเกิดที่บันไดของวัด นอกจากนี้ยังมีบริจาคเงิน 2,000 TWD เพื่อได้เขียนชื่อบนฝาผนัง ใครสนใจบริจาคได้นะ แอบเห็นมีชื่อคนไทยบนผนังด้วยล่ะ ^^

จากตรงนี้เราจะนั่งรถเมล์ลงไปด้านล่างซึ่งขึ้นจากป้ายรถเมล์หน้า Wenwu Temple กลับไปที่ท่ารถบัส ที่เรานั่งมาจาก Taichung อีกครั้ง เพื่อไปปั่นจักรยานรอบทะเลสาบ ช่วงที่มาเป็นช่วงงานจักรยานของที่นี่เลยมีจักรยานให้ปั่นฟรี (โชคดีไปอีก ^^ ซึ่งปกติจะมีค่าเช่านะไม่แน่ใจว่าชม.เท่าไหร่)

มาถึงทะเลสาบก็จะเจอทั้งคนที่มาเดิน วิ่ง ออกกำลัง และปั่นจักรยาน ฟีลลิ่งคือ พักผ่อน แบบชิวชิว เรียกพลังเข้าร่างได้เต็มที่เลย

 

Day 4: Sun Moon Lake – Taipei Fish Market – Taipei 101 – Ximen

วิธีกลับจาก Sun Moon Lake ก็เหมือนตอนขามา นั่งรถบัสไปต่อ THSR เหมือนเดิม เรากลับรอบเช้า ไม่ถึงเที่ยงก็ถึงไทเปแล้ว ก็ไปเช็คอินที่โรงแรมเดิมแถว Ximen ฝากกระเป๋าแล้วไปหาของกิน ซึ่งตรงนี้ถึงจุดที่ต้องเลือกระหว่าง ตลาดปลาไทเป กับ ชาบูหม่าล่า รักพี่เสียดายน้อง อยากกินทั้ง 2 อย่าง เน็ตมือถือเน็ต AIS SIM2fly ยังเหลือเพียบเลยจิ้มดูดภาพใน Google ไปๆมาๆเห็นตลาดปลาน่ากินกว่า ก็เลยตัดใจเลือกไป ตลาดปลาไทเป หรือ Addiction Aquatic Development (ADD)

จากที่พัก เดินไปทาง MRT สถานี Ximenting ให้เดินไปที่ป้ายรถเมล์ที่ถัดจากทางออกที่ 2 มา ขึ้นรถเมล์สาย 49 (ค่ารถ 15 TWD) นั่งไปลงป้าย Taipei Fish Market จากนั้นให้เดินข้ามถนนมา ผ่านตลาดผลไม้มาก็จะเจอตลาดปลาไทเป

ที่ตลาดปลา จะเป็นการเลือกอาหาร จ่ายเงิน แล้วออกมากินด้านนอก มีทั้งโต๊ะแบบนั่ง และยืน พูดถึงของกิน เราเลือกกิน Sashimi, Hotate และ Sushi Set (ตามรูปเลย) บอกเลยว่า อร่อย สด ไม่คาวแล้วราคาก็ไม่แพงเกินไป หมดนี่ประมาณ 1,300 TWD เรียกว่า กินอิ่ม แล้วยังเหลือเอากลับบ้านด้วย
**แนะนำว่า ห้ามพลาด (อีกแล้ว)**

จากตลาดปลา ก็จะไปตึก Taipei 101 โดยนั่งรถเมล์สาย I50 (เราเปิดดูวิธีเดินทางจาก google map เอาเลยเพราะไม่ได้ทำการบ้านมา 555) ไปลงป้าย MRT สถานี Yuanshan เพื่อนั่ง MRT ไปสถานี Taipei 101 เราจะไปชมวิวไทเปกันที่นี่!!!!

ถึง Taipei 101 ขึ้นลิฟท์ไปชั้น 5 ติดต่อพนักงาน แล้วก็รอคิวขึ้นไปบนตึกกัน  ลิฟท์จะจอดที่ชั้น 89 แต่ด้านบนชั้น 90 ยังมีพื้นที่ส่วน outdoor ให้ดูวิวด้วยนะ อย่าลืมเดินขึ้นไปดู (แต่เราว่าวิวชั้น 89 สวยกว่า 555)

จากนั้นเราก็จะนั่ง MRT เพื่อไปเดินเล่น หาของกินที่ Ximen ซึ่งที่นี่จะคับคั่งไปด้วยนักท่องเที่ยว และคนไต้หวันเอง มีทั้งร้านขายของกิน ของฝาก โรงหนัง และตู้เกมส์จำนวนมาก โดยจะแบ่งเป็นโซน และแยกเป็นซอยๆคล้ายสยามสแควร์ ก่อนอื่นเลยเราต้องไปถ่ายรูปที่ Red House ตึกโบราณที่เป็นสถานที่จัดแสดงงานศิลปะ แล้วก็มีร้านขายของแนวอาร์ทๆด้วยนะ

จากนั้นก็เริ่มเดินเที่ยวที่ Ximen กันเลย เรียกว่า เดินเที่ยวไป ช็อปปิ้งไป กินไปด้วยได้เลย

Day 5: Xiangshan Mountain – Taoyuan Airport

Plan คือ ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่เขาช้าง โดยนั่ง MRT ไปลงสถานี Xiangshan แล้วเดินต่ออีกประมาณ 1 กม. จะถึงบันไดทางขึ้น จากจุดเริ่มต้นจะมีแผนที่บอกว่าด้านบนจะมีจุดชมวิวที่ไหนบ้าง ระยะทางเท่าไหร่ แต่อยากบอกว่า ทาง โค-ตะ-ระ ชัน ระยะทาง 400 เมตร เหมือนเดินเป็นโลๆ แต่ขึ้นไปถึงแล้วคุ้มมากกกก คุ้มกับค่าเหนื่อยที่กัดฟันเดินขึ้นมา ด้านบน (จุดที่ตัดสินใจหยุด) จะมีศาลาให้ชมวิวมุมกว้าง(มากๆ)ของไทเป เรียกว่า แทบจะเห็นไทเปทั้งเมือง


ใช้เวลากับเขาช้างถึงประมาณ 10 โมง ก็กลับที่พัก เตรียมตัวเช็คเอ้าท์และไปสนามบิน ขากลับสนามบิน เรานั่ง MRT ไปลงสถานี Beimen เพื่อไปเปลี่ยนเป็น MRT สาย Express สีม่วง (รถไฟจะมีทุก 30 นาที) นั่งรถไฟประมาณ 45 นาที ก็จะถึงสนามบิน

 

ก็จบแล้วกับการเที่ยวไต้หวันฉบับ Complete guide บอกหมดทุกสิ่งทุกการเดินทาง ตามรอยได้ง่ายๆ ไต้หวันเป็นประเทศที่ไปกี่รอบต่อกี่รอบก็ยังรู้สึกว่าไม่อิ่มสักที ไปได้เรื่อยๆไปแล้วไปอีกไม่เบื่อ !

ติดตามการเดินทางของชิวตามไปที่ ::

Instragram :@ChillJourneyTH
Facebook Page : Chill Journey :: เที่ยวอย่างชิว
Youtube : ChillJourney

Blog แนะนำเคล็ดลับการจองที่พัก อ่านเถอะจะได้ไม่พลาดอีก!