ปารีสมหานครแห่งความฝัน รีวิวนี้ชิวขอชวนทุกคนบินลัดฟ้าไปฝรั่งเศสแปลงร่างเป็น Parisian สวมโค้ทตัวเก่งไปเดินลัดเลาะตามแม่น้ำแซน นั่งกินครัวซองส์มองหอไอเฟลให้ชุ่มใจ ไปจ้องหน้าโมนาลิซ่าของแท้ในลูฟร์ที่ไม่ใช่แค่ดูจากในเน็ต ไปเข้าวังแวร์ซายที่ทองอร่ามจนถึงกับแสบตา!  รีวิวนี้ชิวรวบตึง 9 สถานที่แลนด์มาร์ค พร้อมพิกัดถ่ายรูปดีๆมาให้แล้ว กดเซฟแล้วเอาไปตามรอยได้เลย

 

ภาพทุกใบของทริปนี้ถ่ายผ่านมือถือที่กล้องดีที่สุดในโลก ณ ตอนนี้ Huawei P30 Pro กราบความเทพของกล้องที่จัดมาให้เลนส์ Leica มาครบช่วงพกตัวเดียวเที่ยวรอบโลกได้เลย กล้องหลังให้ครบทั้งเลนส์ Wide , Normal , Tele จะเอาภาพกว้าง ภาพปกติ หรือภาพซูม ก็เลือกถ่ายได้ตรงใจ คงไม่ต้องสาธยายสรรพคุณแล้วป่ะ! คงเห็นกันเยอะแล้วว่ามันดีเวอร์วังเบอร์ไหน !

 

ข้อควรรู้ก่อนไปปารีส

  • วีซ่า : ต้องใช้วีซ่าเชงเก้นครับ ถ้าไม่เข้าใจอ่านต่อใน blog นี้
  • ค่าเงิน : ใช้เงินสกุลยูโร หรือใช้บัตรเครดิต/เดบิต ก็ได้ ส่วนมากรับบัตรทุกที่
  • งบประมาณ : 3-5000 บาทต่อวัน ค่าครองชีพปารีสค่อนข้างสูงทีเดียว
  • ไปกี่วันดี : สำหรับปารีส+แวร์ซายส์ แนะนำสัก 3-4 วันกำลังดี
  • ข้อควรระวัง : โจรล้วงกระเป๋าขึ้นชื่อมากตามสถานที่เที่ยว โปรดระวัง

 

วิธีการเดินทางในปารีส

แนะนำใช้ Metro  ด้วยผังเมืองและรถไฟฟ้าของปารีสค่อนข้างดีมาก ครอบคลุมแทบทุกจุดเลย แนะนำซื้อตั๋วแบบเป็นเล่ม 10 ใบจะลดเหลือ 1.49 Euro/ใบ   หรือถ้าคิดว่าวันนั้นจะใช้เยอะก็ซื้อตั๋ววันได้เลยอาจจะคุ้มกว่าเพื่อนๆลองคำนวณดูนะ  แต่มีหมายเหตุนิดหนึ่งถ้าดึกๆฟ้ามืดแล้วเราไม่แนะนำให้ใช้ Metro ค่อนข้างอันตราย แนะนำเรียก Uber จะดีกว่า  รวมทั้งเวลาขึ้นลง Metro ให้กอดกระเป๋าให้แน่น เพราะโจรล้วงกระเป๋าที่ขึ้นชื่อของปารีสมักจะฉกเงินเราตอนเบียดๆในรถไฟฟ้านี่แหละครับ ( แต่ชิวไปมา 3 ครั้งแล้วก็ยังไม่เคยโดนนะ )

 

01 :: Eiffel Tower

มาปารีสถ้าไม่ได้ถ่ายรูปคู่กับหอไอเฟล ก็เหมือนมาไม่ถึง ต้องพูดแบบนี้เลย! ต้องบอกก่อนเลยว่าไอเฟลนี่แทบจะเป็นตึกสูงที่สุดในเมืองปารีส ดังนั้นถ้าอยู่แถบกลางเมืองนะมองจากมุมไหนก็เห็นเธอสูงงามตั้งตะหง่านสุด แว่บแรกที่เราได้เห็นต้องทึ่ง มันสวยงามจริงๆ สวยแบบสวยจริงไม่ผิดหวัง สวยจนสามารถมองดูเธอได้ทั้งวันไม่ว่าจะจากมุมใกล้หรือมุมไกล

Eiffel Tower คือหอคอยโครงสร้างเหล็กริมแม่น้ำแซนที่สูงถึง 300 เมตร!! ตอนแรกเค้าถูกสร้างขึ้นเป็นศิลปะชั่วคราวเพื่อแสดงถึงความรุ่งเรืองในยุคอุตสาหกรรมของฝรั่งเศส และไกด์เล่าว่าช่วงแรกคนปารีสเกลียดมาก แบบน่าเกลียดดดดด เคยถูกตราหน้าว่าเป็นความอัปลักษณ์ของปารีส เพราะรูปทรงและการออกแบบนั้นค่อนข้างจะแปลกแหวกแนวผิดยุดผิดสมัย แต่ปัจจุบันก็คงไม่มีใครเถียงว่าหอไอเฟล ได้ดึงเม็ดเงินเข้าสู่ปารีสและฝรั่งเศสเยอะแยะมากมายขนาดไหน !

มุมเดียวกับด้านบนตอนนี้เราใช้เลนส์ซูม 5 เท่าของ Huawei P30 Pro ยิงเข้าไปดูรายละเอียดไอเฟลแบบใกล้ๆ ด้านหลังของไอเฟลนั่นคือ Trocadéro ที่เรากำลังจะไปถ่ายรูปเป็นจุดต่อไปนั่นเอง

พิกัดถ่ายรูปนี้ : https://www.google.com/maps/place/Wall+Of+Peace/@48.8531314,2.3013338,16.85z

 

ชิวแนะนำที่ Trocadéro คือจุดถ่ายรูปที่ดีและฟรี อยู่ตรงข้ามไอเฟลเห็นแบบหน้าตรง  แนะนำให้ไปตรงนั้นนั่ง Metro ถึงเลย แนะนำให้มาตอนเช้าช่วงพระอาทิตย์ขึ้น มุมปังๆที่เค้าชอบถ่าย Pre wedding กันคือตรงนี้แหละ แต่ถ้ามาตอนสายๆบ่ายๆล่ะก็ คนเป็นล้านนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

พิกัดถ่ายรูปนี้ : https://www.google.com/maps/place/Palais+de+Chaillot/@48.8619007,2.2884422,17.38z

จาก Trocadéro เดินตรงมาเรื่อยๆมีอีกมุมแนะนำด้านหน้าไอเฟล ใช้เลนส์ไวด์ของ Huawei P30 Pro ถ่ายงัดขึ้นเล็กน้อย ตัวจะสูงผอมพร้อมกับเก็บวิวไอเฟลได้ครบทั้งภาพ 🙂

พิกัดถ่ายรูปนี้ : https://www.google.com/maps/place/48°51’32.9″N+2°17’35.5″E/@48.859127,2.292536,18z

 

02 :: Louvre Museum

บอกตรงๆว่าไม่ใช่สาวก museum เลยยยยยยยยแม้แต่น้อย ถ้าตามรีวิวเรามานานจะเห็นว่าเราเข้า museum น้อยมาก แต่ไม่ใช่กับที่ลูฟร์! ด้วยความที่ด้านนอกเป็นโดมแก้วสวยๆ รวมทั้งเค้าเอาวังเก่ามาทำเป็นพิพิธภัณฑ์ พร้อมทั้งสมบัติล้ำค่าจัดแสดงกว่า 35,000 ชิ้น (มีที่ไม่จัดแสดงอีกเป็นแสนชิ้น! ) ในพื้นที่กว่า 60,600 ตารางเมตร ใหญ่มากแบบมีคนบอกว่าถ้าเกิดจะชมทุกชิ้นในลูฟร์จะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 เดือน !! กว่าจะเดินหมด

 

ภาพนี้ชิวใช้ Portrait mode ของ Huawei P30 Pro ถ่ายดึงคนออกจากฉากหลัง เบลอได้เนียนสวยงามมากกว่าเดิมเพราะเค้ามีเลนส์พิเศษ TOF มาวัดระยะทำให้ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้เนียนดูสมจริงมากขึ้น

 

คนอื่นเค้ามีเวลากันเป็นวันๆแต่เรามีเวลาเพียง 2 ชม. ! โชคดีได้พี่ไกด์คนไทยช่วยบรรยายและพาเดินทำให้เราเก็บได้ครบ 3 master piece ของลูฟร์นั่นคือ

โมนาลิซ่า (Mona Lisa)

รูปวาดสาวเจ้าของรอยยิ้มปริศนา Mona Lisa ที่วาดโดย Leonardo da Vinci สาวปริศนาที่แม้แต่วิทยาการในยุคสองพันก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าเธอคือใคร มีประวัติอย่างไร และรอยยิ้มของเธอสื่อถึงอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆคือแสดงถึงความอัจฉริยะของ Leonardo da Vinci  ได้อย่างชัดเจน ถ้าเพื่อนๆลองมองไปที่ภาพนี้ เธอจะจ้องมองเราตลอดเวลาไม่ว่าจะเราจะมองเธอจากมุมไหน !

เทพีไนกี้แห่งซาโมเทรซ (winged victory of Samothrace) ประติมากรรมยุคกรีกเฮเลนิสติกที่ถูกสร้างขึ้นในราว 300 ปีก่อนคริสตกาล เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะของกรีซในการรบที่ซาโมเทรซ หนึ่งใน Master piece ของลูฟร์ เชื่อว่าหลายคนอาจจะสงสัยเหมือนกับเรา “ทำไมถึงดัง”  พี่ไกด์บอกชิวว่า ที่ดังเพราะว่าชิ้นนี้เป็นการแสดงความอัจฉริยะด้านการคำนวณของชาวกรีกโบราณโดยเอา 2 ชิ้นหินมาประกอบกันแล้วสมดุลไม่ล้มลง (ด้วยปีกทั้งสองข้าง และ ส่วนฐาน )  ประมาณว่าเก่ามากกกกกกกก ที่ทำด้วยเทคนิคนี้ได้ประมาณนั้นแหละมันเลยมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มากๆ

วีนัส เดอมิโล (Venus de Milo) มาถึงชิ้นสุดท้ายที่ดังสุดๆที่ใครก็ต้องมาชม   งานประติมากรรมจากยุคกรีกราว 100 ปีก่อนคริสต์ศักราช แกะสลักหินอ่อนเป็นรูปเทพีวีนัสที่เป็นเทพธิดาแห่งความรักและความงามของกรีก วีนัส เดอมิโลถูกพบจากซากปรักหักพังของเมืองโบราณบนเกาะมิโลเมื่อปี 1820 เป็นรูปเปลือยที่แสดงสรีระและกล้ามเนื้อได้สมบูรณ์แบบ มีส่วนสัดของร่างกายและการจัดวางท่วงท่างดงาม เค้าว่าสวยเราก็ว่าไปตามนั้นเน้อะ

03 :: Arc de Triomphe

ถ้าไอเฟลคือสัญลักษณ์ของฝรั่งเศส ประตูชัยคือสัญลักษณ์ของปารีส มีความสูง 49.5 เมตร มีความกว้าง 45 เมตรและมีความลึกถึง 22 เมตรถูกจัดอันดับเป็นประตูชัยที่ใหญ่อันดับ 2 ของโลกตั้งอยู่กลางจัตุรัสชาร์ลส์ เดอ โกล(Place Charles de Gaulle) หรือ จัตุรัสแห่งดวงดาว ที่ประตูชัยฝรั่งเศสนี้จุดเริ่มต้น-สิ้นสุดของถนนถึง 12 เส้นทาง

จากจุดที่ชิวยืนลองใช้ เลนส์ซูม 5 เท่าของ Huawei P30 Pro ซูมเข้าไปดูรายละเอียดซักหน่อย ตาไม่ค่อยจะดี  โอ้โห……. รายละเอียดเต็ม

ถ้ามีโอกาสเดินขึ้นไปด้านบน ( เสียค่าขึ้น 12 Euro ) ก็จะได้พบกับวิวถนนทั้ง 12 สาย รวมทั้งเป็นจุดที่มองหอไอเฟลได้สวยงามมากๆอีกหนึ่งจุด แนะนำไปตอนพระอาทิตย์ตกบรรยากาศจะดีสุดๆเลยล่ะ

อันนี้คือวิวด้านบนคุ้มเหนื่อยยยยยยยยยยย

 

04: ChampsElysees

ถนนช็อปปิ้งที่ดังสุดของปารีส จุดมุ่งหมายหลักของนักช็อปปิ้งที่จะมาช็อปปิ้ง เพื่อนๆสามารถหาสินค้าแบรนด์เนมได้เกือบทุกแบรนด์ที่ถนนนี้ เดินวนไปช็อปกันให้มันส์มือ! (สารภาพว่าเราลืมถ่ายรูปมา มัวแต่ช็อปปปปปปป… เอาภาพถนนที่เราถ่ายจากบนประตูชัยไปแล้วกันนะ )

05 :: Sacré-Cœur

ไกด์เล่าว่าพื้นที่นี้เป็นส่วนที่สูงที่สุดของปารีส สำหรับสายฟรีที่ไม่คิดจะขึ้นจุดชมวิวไหนสามารถมามองปารีสมุมสูงได้ที่นี่เช่นกัน  มหาวิหารในคริสตจักรโรมันคาทอลิกบนยอดเขาที่สูงที่สุดของกรุงปารีสที่สูงถึง 130 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ส่วนตัวมหาวิหารแห่งมงมาทร์มีความสูง 83 เมตร ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ.1875  ระหว่างทางขึ้นจะเป็นบันไดขนาดใหญ่ และสวนสาธารณะขนาดย่อมที่ผู้คนมักมานั่งเล่นตากแดดตากลม ชมวิว ฟังเพลง รวมทั้งศิลปินมากมายก็มานั่งวาดรูปที่นี่ด้วยนะ !

หมายเหตุ : โซนนี้ถือเป็นโซนที่ค่อนข้างอันตรายในช่วงกลางคืน แนะนำให้มาเที่ยวช่วงก่อนพระอาทิตย์ตกเท่านั้น

Huawei P30 Pro มี AI ที่จะคอยคำนวณโหมดที่ดีที่สุดให้ โดยภาพนี้ได้ใช้ HDR ให้เราอัตโนมัติในการถ่ายย้อนแสง ทำให้เก็บรายละเอียดได้ดี

 

06 :: Notre-Dame de Paris

มหาวิหารนอเทรอดาม อัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมโกธิกยุคกลาง อายุกว่า 850 ปี ต่างชาติมากรุงเทพต้องเที่ยววัดพระแก้วยังไง คนไทยไปปารีสก็ต้องไป Notre-Dame แบบนั้น ด้วยบรรยากาศด้านนอกอาคารที่ดี รวมทั้งภายในที่อลังการดึงดูดสายตา และที่สำคัญ! ไม่เก็บค่าเข้าชมอีกด้วยล่ะ

*น่าเสียดายที่ช่วงเย็นของวันที่ 15 เม.ย. 2562 ตามเวลาท้องถิ่น ได้เกิดเพลิงลุกไหม้ทำลายมรดกแห่งนี้ไปถึง 80% ผมก็หวังว่าสักวันจะกลับมายิ่งใหญ่ให้เรายลโฉมอีกครั้ง

 

07 :: Shakespeare & Company

ร้านหนังสือที่โด่งดังมากๆ ของเมืองปารีส ที่คิดว่าคนมาเยี่ยมชมถ่ายรูปมากกว่ามาซื้อหนังสือ ร้านหนังสือเก่าแก่ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1951 โดยวัตถุประสงค์เพื่อให้ปารีสเป็นศูนย์กลางของวรรณกรรม ภายในร้านนั้นก็สมชื่อร้านหนังสือเพราะทุกด้านของกำแพงตั้งแต่พื้นจรดเพดานล้วนมากมายไปด้วยหนังสือทั้งเก่าและใหม่เรียงกันอยู่แบบนับไม่ถ้วน จนถูกเอามาเป็นโลเคชั่นในหนังเรื่อง before sunset และ midnight in paris  นั่นแหละหลังจากนั้นก็ดัง ดัง ดัง น่าจะเป็นร้านหนังสือเดียวในปารีสที่นักท่องเที่ยวแห่มาไม่ขาดสาย !  อ้อ…เค้ามีโซนคาเฟ่ด้วยนะ ขนมปังหอมเนยฟุ้งจนอดไม่ได้ต้องเดินเข้าไปชิมสักชิ้น

 

08 :: Palace of Versailles

“อุส่ามาถึงปารีสแล้วไม่ไปแวร์ซายได้ไง”  ชิวบอกตรงๆตอนแรกจะไม่ไป เพราะขี้เกียจต่อแถว!  ว่ากันว่าเป็นวังที่คิวยาวสุดในโลก คิวยาวตลอดปีตลอดชาติ แต่ก็เอาวะไหนๆมาถึงแล้วลุยสักรอบ! ซื้อตั๋วออนไลน์เรียบร้อย (จะได้ไม่ต้องต่อแถวซื้อตั๋วอีก) กดตั๋วรถไฟลงสถานี  Gare de Versailles Château Rive Gauche  พอถึงแล้วเดินไปตามฝูงชนแป๊ปเดียวจะถึงด้านหน้า จากนั้นให้รีบเดินไปต่อแถวให้ไวที่สุดเลย แถวที่ยาวๆขดหลายๆขดนั่นแหละฮะเพื่อนๆ ต่อวนไป

ที่นี่ติดอันดับหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกและได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรม  พระราชวังแห่งนี้มีห้องถึง 700 ห้อง รูปภาพที่ทรงคุณค่ากว่า 6,123 ภาพ งานแกะสลักอีก 15,034 ชิ้น และห้องลงนามในสัญญาสงบศึกระหว่างสัมพันธมิตรกับจักรวรรดิเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 1 มันจึงเป็นที่ที่รวบรวมไว้ซึ่งประวัติศาสตร์และผลงานระดับโลก ภายใต้สถาปัตยกรรมสไตล์คริสต์ศตวรรษที่ 17 และ 18 โดยใช้เวลาการสร้างถึง 30 ปี!

หลังจากผ่านไป 2 ชม. ชิวก็ได้เข้าชมจนได้ รับ audio guide แล้วเดินเยี่ยมชมได้เลยครับ แนะนำว่าควรมีเวลาสัก 1 วันเต็มเป็นอย่างน้อยสำหรับแวร์ซาย ไหนจะต่อคิวไหนจะเดินชมทุกห้อง ไหนจะสวน ไหนจะวัง คือเอาแบบไม่ต้องรีบเร่งให้เวลาที่นี่ไปเลย 1 วัน  ในแต่ละห้องจะอลังการงานสร้างมาก มีดีเทลแทบจะตั้งแต่พื้นไปจนถึงเพดาน ดังนั้นเลนส์ไวด์ของ Huawei P30 Pro คือสิ่งสำคัญมากที่ทำให้เราเก็บได้ครบในภาพเดียว

ห้องกระจกนี้จัดว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่งในด้านความสวยงาม การก่อสร้าง Hall of Mirror เป็นห้องที่สร้างอยู่ชั้นบน ยาวเกือบตลอดแนวด้านหนึ่งของตำหนัก แต่ไม่น่าจะเกิน 200 เมตร ด้วยความคิดอันสุดบรรเจิดที่ทำกระจกสองด้านให้แตกต่างกัน ด้านที่ติดกับสวนเป็นกระจกใส ส่วนอีกด้านเป็นกระจกเงาเพื่อให้สะท้อนภาพสวนของพระราชวังและทำให้ห้องนี้แลดูกว้างขวางขึ้น

ในปัจจุบันเราก็ยอมรับในความสวยงาม แต่ในสมัยที่มันสร้างเสร็จ จัดว่าเป็นห้องที่สุดจะหรูหราตระการตา เพราะกระจกในยุคนั้นเป็นของราคาแพงแล้วเอามาใช้กับที่นี่มากถึง 17 บาน ถ้าเงินไม่หนาจริง ทำไม่ได้เด็ดขาด และมันก็ได้ใช้งานอย่างคุ้มค่ามากเพราะใช้เป็นท้องพระโรงอย่างเป็นทางการของพระราชวัง เป็นห้องจัดงานเลี้ยง รวมถึงเป็นสถานที่ลงนามสนธิสัญญาแวร์ซายส์หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วย

 

09 :: Bir-Hakeim

ปิดท้ายด้วยสะพานที่ไม่ค่อยเห็นในรีวิว หลายคนก็เรียกว่าเป็นสะพาน inception (อยู่ในหนังเรื่องนั้น) เป็นจุดถ่ายรูปไอเฟลที่ได้รับความนิยมมากเช่นกัน ไม่ว่าจะมาเช้าสายบ่ายเย็นก็จะพบว่ามีคนมาถ่ายรูป ถ่าย Pre wedding เยอะมาก ณ จุดนี้ ด้วยมุมที่ลงตัว ถ้าให้ชิวแนะนำก็นั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีนี้แล้วค่อยๆเดินย้อนกลับไปถึงไอเฟล ก็จะได้บรรยากาศเรื่อยๆเพลินๆ

 

หลายคนอาจจะมองปารีสว่าไม่ตรงปก เพราะเค้าเหล่านั้นจินตนาการภาพปารีสไว้ว่าจะต้องมีแต่คนขาวเหมือนในหนัง แต่ทุกวันนี้ปารีสได้กลายเป็นมหานครแห่งความหลากหลายไปเรียบร้อยแล้วปารีสมีทุกมุม ทั้งมุมดีและมุมมืด หลังจากที่ชิวได้ใช้ชีวิตอยู่ที่ปารีสถึง 6 วันเรารู้สึกรักที่นี่นะ จังหว่ะที่เราได้เดินเล่นเพลินๆสูดอากาศเย็นๆลัดเลาะแม่น้ำแซนเดินตรงไปนั่งเล่นพักผ่อนดูหอไอเฟล มันมีความสุขที่สุดเลยล่ะ อยากให้ทุกคนได้ไปเห็นเหมือนเรา 🙂

ติดตามการเดินทางของชิวตามไปที่ ::

Instragram :@ChillJourneyTH
Facebook Page : Chill Journey :: เที่ยวอย่างชิว
Youtube : ChillJourney

Blog แนะนำเคล็ดลับการจองที่พัก อ่านเถอะจะได้ไม่พลาดอีก!