รีวิว “เลห์”  สวรรค์บนดินที่ชาตินี้ต้องไปสักครั้งก่อนตาย คือวิวสวยแบบสวย สวยมาก สวยระดับท็อปกล้าท้าชนกับทุกโลเคชั่นบนโลกใบนี้! วิวแบบนี้ปกติถ้าจะไปเห็นต้องจ่ายเฉียดแสน แต่นี่ไม่… รวมทุกสิ่งสามสี่หมื่นครบจบทั้งทริป ! วีซ่าก็ไม่ต้องขอให้ปวดหัวพวกเธอเข้าไปกดในเว็บออนไลน์จบๆไป   Easy guide นี้จะพาทุกคนไปเที่ยวเลห์แบบง่ายๆ ใครก็ตามรอยได้ ไม่ต้องกังวลว่าเป็นอินเดียแล้วจะปวดหัวกับความวอแวของคน ให้ลืมภาพอินเดียวุ่นๆออกไปก่อน เพราะคนที่เลห์นิสัยดีจนคุณต้องหลงรัก !

 

เที่ยวยังไง? 

วิธีการเที่ยวในเลห์ง่ายมาก เราแนะนำให้ติดต่อไปที่เกสเฮ้าส์ที่คุณถูกใจ ของชิวใช้ของ Ree-yul Guest House Leh  ที่พักยอดฮิตของคนไทย ซึ่งเพื่อนๆเราแนะนำกันมาหลายคนบอกว่า “ซาลีม” เจ้าของน่ารักมาก ชิวก็ขอ confirm เพิ่มไปอีกคน ว่าจริง คืองี้ตอนที่ติดต่อหน่ะจะต้องใช้ความอดทนนิดหนึ่ง เพราะเค้าจะตอบช้ามากกกกกกก พยายามใช้คำง่ายๆอย่าพิมพ์อะไรไปยืดยาว แกก็จะตอบกลับมาแค่ “OK” ซึ่งในใจคือ ว็อททททททท ตกลงยูเข้าใจไหมอะ หืม อะไรยังไง อธิบายหน่อยสิ ฮืออออออ   แต่พอไปถึงที่เลห์แล้ว ซาลีมดูแลพวกเราดีมากทุกคนประทับใจห้องพักเค้าก็นอนสบาย ราคาไม่แพง ด้วยครับ

 

ส่วนคนขับรถเราชื่อ “ซา-ดิก” เป็นคนขับรถที่น่ารักมากเหมือนกัน แวะจอดให้พวกเราถ่ายรูปกันเรื่อยๆ ตลอดทริปเค้า ไม่หือไม่อือ ไม่บ่น ไม่อะไรสักคำ ( ยังไงลองถามซาลีมดูก็ได้ว่าจะ request คนนี้ได้หรือเปล่า )

 

เตรียมตัวอะไรบ้าง?

1. อย่างแรกเลยให้ไปซื้อประกันเดินทางกันก่อน

ฮัลโหล นี่คือประเทศอินเดีย ที่ซึ่งอะไรก็เกิดขึ้นได้ และนี่คือเมือง เลห์ ที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 3500 เมตรเป็นต้นไปที่มีอ็อกซิเจนเบาบาง กันดาร ทางโคตรโหด ซ้ายเขาขวาเหว รถวิ่งสวนกันทีนี่โอ้ยยยยยย ใจหล่นไปตาตุ่ม มีโอกาสเจ็บไข้ได้ป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุนี่ง่ายมาก   ก็เอาเป็นว่าขายของกันตรงๆให้สปอนเซอร์เลยแล้วกันหมดยุค Tie-in แล้วป่ะ  ชิวใช้ประกันเดินทางของทิพย์ประกันภัย  ส่วนตัวชิวเดินทางบ่อยมากเราก็เลยทำประกันเดินทางรายปีเลย

 

จุดเด่นของทิพยประกันภัย คือเบี้ยถูก และ “ไม่ต้องออกค่ารักษาพยาบาลก่อน” ตรงนี้มีน้อยเจ้าครับที่มีสิทธิ์ตรงนี้ให้ สมมุติว่าเราเจ็บป่วยเข้าโรงบาลในต่างประเทศเราก็แค่โทรมาแจ้ง Call center ว่าเรากำลังจะไปเข้าโรงบาลทางประกันจะประสานโรงพยาบาลให้เลยโดยเราไม่ต้องออกเงินไปก่อนแล้วค่อยกลับมาเบิกทีหลัง

เพียงเข้าผ่านลิงค์ https://bit.ly/2UTZLaQ

กรอกโปรโมชั่นโค้ด : ChillJourney ลดเพิ่มอีก 5% (จากราคาที่แสดงบน www.tipinsure.com)

 

เมื่อซื้อประกันเดินทางต่างประเทศ รับบัตรกำนัลสตาร์บัคส์ ดังนี้

600-1,199 บาท รับบัตรกำนัลสตาร์บัคส์ มูลค่า 100 บาท

1,200-1,799 บาท รับบัตรกำนัลสตาร์บัคส์ มูลค่า 200 บาท

ตั้งแต่ 1,800 บาท ขึ้นไป รับบัตรกำนัลสตาร์บัคส์ มูลค่า 300 บาท

ระยะเวลาโปรโมชั่น : 1 – 31 ธค. 2562

 

 

2. เตรียมตัวก่อนขึ้นที่สูง  จริงๆส่วนนี้ผมไม่กล้าเขียนนะครับเพราะว่ามันอันตราย เพื่อนๆลองหาคำว่า “Altitude Sickness” ดูนะครับ ส่วนตัวผมทานยา Diamock ก่อนไป 2 วันและระหว่างที่อยู่ที่นั่นก็ทานวันละเม็ด ไม่เกิดอาการแพ้ความสูงนะ

3. ชุดกันหนาว อาหารแห้ง ชุด ยา เตรียมไปให้พร้อมเผื่อไว้นะครับเพราะว่าที่โน้นค่อนข้างกันดารมากกกกกก

4. เตรียมใจตัดขาดจากโลกอินเทอร์เน็ต   ไม่มีซิมใดๆใช้งานได้ ณ ขณะนี้ ซิมโลคอลก็ใช้ไม่ได้ ต้องหาเล่นตามร้านกาแฟ หรือ ตามที่พักเท่านั้น ซึ่งก็ช้ามากกกกกกกกกกกกกกกกก ช้าขนาดที่ว่าตอบไลน์เพื่อน ตอบไลน์แฟนได้คือดีใจอะคุณ !


DAY 0 : Bangkok – Delhi (ค้างสนามบิน) – Leh Airport 

 

.      ทริปนี้เราออกเดินทางด้วยสายการบิน Air India  เพราะตอนจองมันถูกสุดแค่นั้นเลย ซึ่งถือว่าโชคดีมากกกกก เพราะจู่ๆ Jet Airways สายการบินยอดฮิตที่เวลาดีกว่าก็ล้มละลายเฉย!  โชคดีของเราที่เราจองของถูกกว่า 555

.     อะใช้เวลาบิน 4 ชั่วโมงนิดๆยังไม่ทันได้งีบก็ถึงสนามบิน New Delhi จากนั้นก็ง่ายๆไปผ่านตม.ให้เรียบร้อย  รับกระเป๋าขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นบน จากนั้นไปเช็คอินอีกรอบโหลดกระเป๋าไปสนามบิน Leh  ผ่านสแกนอีกรอบ นอนรอเปลี่ยนเครื่องในสนามบินรอต่อไฟล์ทเช้าไป Leh

 

DAY 1 : Leh 

เอาจริงๆคือง่วงแหละแต่ แต่ พอเครื่องขึ้นได้แป๊ปหนึ่งวิวข้างทางก็แบบ โอ้ว อ้า โอ้ววววว อะไรแม่งจะสวยขนาดนี้ เอาจริงๆรับรองเลยว่าง่วงแค่ไหนก็หลับไม่ลงอะ ไม่รู้บรรยายยังไงให้ภาพเล่าเรื่องแล้วกัน  เป็นคุณ คุณเห็นแบบนี้จะหลับลงป่ะ? ไม่มีทาง!

*คำแนะนำ : ให้เลือกที่นั่งฝั่งซ้ายไว้ วิวจะดีกว่า

อะบินแป๊ปเดียวแหละ ชั่วโมงนิดๆก็มาถึงสนามบิน Leh ครับคุณ เออเตือนไว้หน่อยว่าสนามบินเลห์เป็นเขตทหารนะครับ เพราะฉะนั้นห้ามถ่ายรูปนะ

พอรับกระเป๋าปุ๊ปก็ต้องกรอกใบ (อีกแล้ว) กรอกข้อมูลวนไปว่าเออเราเป็นนักท่องเที่ยวนะเข้าเขตเลห์นะงี้  จากนั้นก็ลากกระเป๋าออกมาเจอคนขับที่เราติดต่อไว้ ชูป้ายยืนรอเราอยู่แล้ว เออใจชื้น เออคนขับเราชื่อ “ซา-ดิก” อ่านว่า ซา-ดิก นะ คือตอนแรกชิวว่าอ่าน “ซา – ดิกซ์ ” ซึ่งมันไม่โอเคคค พอ ดิก(เสียงสูง) มันคือ dick มันแปลว่า เจ้าโลกอะ T-T

 

“ซาดิก” คนขับรถของเรา ก็ไปส่งเราเข้าที่พัก หลังจากจัดแจงให้ทุกคนได้ห้องเรียบร้อยก็ได้เวลา “นอน”

ที่เลห์นี่มีกฎเหล็ก วันแรกที่บินมาถึงทุกคนจำเป็นต้องนอนแบบไม่ทำอะไรเลยเนื่องจาก Leh นั้นอยู่บนที่สูงมากกว่า 3500+ เมตรจากระดับน้ำทะเล

ต้องนอนให้ร่างกายปรับสภาพก่อนไม่งั้นพวกเธอจะเจออาการ Altitude sickness หรือโรคแพ้ความสูง ที่อันตรายมากกกกกกกกกกกกกกกกก อันตรายถึงชีวิตเลยนะเฟ้ยไม่ใช่โรคที่จะมาเล่นๆได้  อะแล้วด้วยความที่เมื่อคืนไปค้างสนามบินอะมันก็มีข้อดีนะ มันทำให้เราง่วงไงก็หลับง่าย หลับกันยาวๆ 3-4 ชั่วโมง

ประมาณบ่าย 3 โมงตามคำแนะนำของ “ซาลีม” เจ้าของเกสเฮ้าส์ผู้น่ารัก ว่าออกเวลานี้กำลังดี   พวกเราก็รวมตัวเริ่มออกเดินทางกันวันนี้เราจะไปเที่ยวอะไรกันเบาๆรอบๆเลห์ให้ร่างกายพอปรับสภาพ การหายใจ การเดิน การเที่ยวในเลห์ บอกก่อนครับคุณว่า ที่ความสูง 3000+ เมตรเนี่ย ออกซิเจน ในอากาศมันจะเบาบางลงไปเยอะมากกกกกกกก ซึ่งทำให้เราเหนื่อยง่ายกว่าเดิมหลายเท่าตัว  ดังนั้นต้องบอกตัวเองเสมอ “เดินช้าเข้าไว้ อย่าซ่า อย่าเปรี้ยว”

 

ออกจากเมืองเลห์มาสัก 40 นาทีเห็นจะได้ก็มาถึงวัดแรก Thiksey Monastery    และหลังจากนี้ก็จะเป็น วัด วัด วัด วัด วัด วนไปครับ 555

Thiksey Monastery   

ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นโปตาลาน้อยประจำเมืองเลห์ เพราะรูปร่างหน้าตา คล้ายกับวัดโปตาลาที่ธิเบต ที่นี่เป็นที่ประดิษฐานของพระศรีอารยะเมตรัยองค์ใหญ่ที่สุดในลาดัคห์ สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึงการมาเยือนขององค์ดาไล ลามะองค์ที่ 14

 

ส่วนตัวค่อนข้างชอบวัดนี้นะ เป็น Monastery  ที่สวยมากๆเลยครับ และด้วยความที่เป็นวัดแรกของเรา พวกเราก็จะอินกันเป็นพิเศษ ถ่ายรูปกันรัวๆเลย

Shey Palace

จาก Thiksey Monastery   ซาดิก คนขับรถเราก็ขับรถย้อนมาแล้วแวะให้เราเที่ยว Shey Palace ในอดีตเคยเป็นพระราชวังในยุคที่หมู่บ้านเช เคยเป็นเมืองหลวงที่เก่าแก่ที่สุดในลาดักห์ ถึงปลาย ค.ศ. 1630 ได้ย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่่เลห์ พระราชวังเชอยู่ห่างจากเลห์ราว 15 กิโลเมตร  เอาจริงๆก็คือไม่ค่อยมีอะไรมากครับที่นี่ ค่อนข้างชำรุดทรุดโทรมไปมากแล้ว แต่เป็นทางผ่านก็มาแวะชมได้ แล้ววิวด้านบนก็สวยอยู่นะ    แต่เชื่อเราเหอะว่าตอนนี้คุณจะเริ่มขี้เกียจเดินขึ้นเขาแล้ว เพราะคุณเหนื่อย!!   การเดินขึ้นเขาที่ความสูง 3500+ ไม่ใช่เรื่องขี้ๆ

ปิดท้ายวันที่ Leh Palace  พระราชวังกลางเมืองที่ยังไงก็ต้องมาทุกคน เพราะขึ้นมาบนนี้เราจะได้เห็นวิวเมืองเลห์แบบ 360 องศากันเลยฮะ สวยมากๆ ภายในก็จะมีการประดับกระดา มีพวกภาพเขียนให้ดู แต่เค้าห้ามถ่ายรูปนะก็เสียดายนิดหนึ่ง เออข้อดีของคนไทยที่ไปเที่ยวอินเดียค่าเข้าสถานที่จะถูกมากๆ แบบปกติ 300 รูปีก็จะเหลือ 30 รูปีแบบนี้เลย ราคาเท่าคนอินเดียเที่ยวเลยฮะ

 

DAY 2 : Magnetic hill – Sangam river – Alchi Liker – Lamayuru

 

อะวันนี้เราก็เริ่มเที่ยวจริงจังวันแรกโดยปลายทางที่วัด Lamayuru ระหว่างทางก็แวะเที่ยวไปเรื่อยเท่าที่เวลาจะอำนวย จุดแรกที่คนขับเราพาไปคือ  Magnetic hill  บอกตรงๆว่าตอนแรกคิดว่ามันจะมีอะไรว้าวนิดหนึ่งอะ แต่ไม่!   มีป้าย 1 ป้ายเขียนบอกว่าเออตรงนี้คือ Magnetic hill นะแค่นั้นอะ แล้วก็มีรถจอดเพียบไปหมด รวมทั้งรถบรรทุกวิ่งตลอด วิ่งตลอดจนไม่มีโอกาสให้รถคันไหนได้เทสเลย ว่าตกลงมันยังไง

 

คือเค้าว่ากันว่าถ้าเอารถไปจอดตรงจุดที่เค้า mark ไว้นั้นรถมันจะขึ้นเขาได้เอง (แต่จริงๆมันคงเป็นเนินลง) คล้ายเนินพิศวงบ้านเราอะนะ จริงๆจุดนี้ไม่มีอะไรเท่าไหร

Sangam river แม่น้ำสองสี  ก็เพลินๆกับวิวสองข้างทางไปเรื่อยจุดถัดไปที่มาแวะคือจุดชมวิวแม่น้ำสองเส้นมาตัดกัน มันเลยเกิดเป็นสองสีอันเลื่องชื่อ แต่ถ้าดูจากภาพเราจะเห็นว่า ไม่เห็นมันจะสีต่างตรงไหน คือคนขับเราอธิบายว่ามันแล้วแต่วันด้วย บางวันคือจะเห็นว่าสีมันตัดกันชัดเลย

Likir Gompa  จากนั้นซาดิกก็พาเราเที่ยวตามเส้นทางมาตรฐานแถบนี้ ถือเป็นวัดที่สวยทีเดียว แต่ด้วยความที่เมื่อวานไปเจอ  Thiksey Monastery มาแล้วที่อลังการกว่าพวกเราก็เลยรู้สึกไม่อะไรมากกับที่นี่นักอะนะ แต่ก็เที่ยวนะเดินขึ้นไปจนถึงข้างบนโน้นแหนะ   ณ จุดนี้พวกเราก็เริ่มหิวๆกันบ้างละเพราะร่างกายยังไม่ปรับยังใช้เวลาไทยกันอยู่ แต่คนขับเราบอกว่าเดียวไปทานข้าววัดหน้าดีกว่า เราก็เชื่อเค้า

วัดลิคเกอร์ เป็นวัดที่ยังใช้ประโยชน์อยู่ เพราะตอนนี้ก็ยังมีลามะอาศัยเพื่อศึกษาธรรม โดยตั้งอยู่ห่างออกไปประมาณ 52 กิโลเมตรทางเลห์ตะวันตก จุดเด่นของที่นี่อีกเรื่องคือเป็นที่ประดิษฐานพระศรีอริยะเมตไตรย์ ที่มีความสูงถึง 25 เมตร องค์สีทองๆในภาพนะ

Alchi monastery  ความทรงจำของที่นี่คือ ค่าเข้าแพง!  จำได้ว่าเสียคนละ 200 รูปีแหนะ ตอนแรกคิดว่าแพงมากเพราะคิดว่าบัตรนั้นคือบัตรผ่านเข้าโบถส์ที่เก่าแก่ที่สุดในเลห์ อย่างเดียว แต่เปล่าด้วยบัตรใบเนี้ยสามารถเข้าได้ 5 ที่เลยในราคา 200 รูปีถือว่าคุ้มมาก  แต่ข้อเสียของวัดนี้คือว่าไม่ให้ถ่ายรูปนะครับก็เลยไม่มีรูปให้ดูเลย…  อ้ออออ อีกอย่างตอนนั้นฝนตกพอดีเลยไม่ได้หยิบกล้องมาถ่าย >.<

 

Lamayuru   แล้วเราก็มาถึงที่วัดสุดท้ายครับวัด วัดลามายูรุ อ่านยากมากและอ่านผิดประจำ เป็นวัดทางพุทธศาสนาแบบทิเบตที่เก่าแก่มากใน เลห์ ลาดัก ถูกสร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 หรือมีอายุประมาณราวๆ 1000 ปีซึ่งที่นี่สะท้อนให้เห็นถึงวิทยาการการก่อสร้างของคนที่นี่เมื่อพันปีที่แล้วได้อย่างดี

 

วัดนี้ตั้งอยู่บนเขาที่สวยมากๆและตัวมันก็สวยมากๆห้องน้ำนี่คือแบบวิวหลักล้านของแท้ ผมมองไปที่หุบเขาคือสูงมากไม่คิดว่าให้รถเราไต่ขึ้นมาขนาดนี้เลยหรอวะ วิวนี่อลังการล้านแปดมากเวอร์ ให้ภาพเล่าเรื่องแล้วกัน ! 

เก้าอี้ชมวิวที่แบบสามารถนั่งทั้งวันก็ยังไหว!

ก่อนกลับแวะถ่ายรูปกับรถสักหน่อย เดียวจะหาว่ามาไม่ถึงเลห์ถ้าไม่ได้แชะภาพนี้ !

DAY 3 : Khardung La Pass – Turtuk

เข้าสู่วันที่ 3 ครับเริ่มต้นของจริงสักที วันนี้เราจะนั่งรถไต่ระดับขึ้นไปบน Khardung La Pass ที่ความสูงถึง 5600 เมตรจากระดับน้ำทะเล ถนนที่สูงสุดในโลก    ซึ่งบอกเลยว่ามันเป็นจุดที่สุดยอดมากกกกกกกกกกกก ซ้ายก็เขาขวาก็เหวคือ แล้วจะเข้าใจเลยว่าทำไมที่บอกว่าซื้อประกันเดินทางเถอะจะเท่าไหร่ซื้อไป เพราะทุกชีวิตบนรถเนี่ยฝากไว้กับคนขับรถล้วนๆเลย ถ้าขับพลาดแม้แต่วินาทีเดียวก็…. บัยยยยยยย

เห็นเส้นๆๆบนเขานั้นไหมฮะ นั่นคือที่นั่งรถไต่เขาขึ้นมาทั้งหมด !!!!!

นั่งมาเรื่อยๆแวะถ่ายรูปบ้างตามโอกาสที่ คนขับเราจอดให้ถ่ายก็มาถึงที่จุดสูงสุดสักที ตรงนี้หิมะแน่นๆเลยมีหิมะตลอดปี หนาวมากกกกกกกก ชิวกระโดดโลดเต้นเล่นหิมะได้แป๊ปเดียวก็เหนื่อยหมดแรงมาก มีอาการปวดหัวตุ๊บๆขึ้นมาแล้ว   คิดดูที่ความสูง 3500+ ในเมืองเลห์ยังเหนื่อยขนาดนั้น แล้วนี่ 5600 เมตร!  อ็อกซิเจนเบาบางมากกกกกกก เรารู้ตัวว่าต้องเลิกซ่า กลับไปนั่งรอคนอื่นในรถก่อนเลย

อะจากนั้นก็นั่งรถกันยาวววววววววววววว มากกกกกกกกกกกกกก มากกกกกกกกกก มากกกกกกกกกก ที่พิมพ์ซ้ำหลายรอบไม่ได้เป็นอะไร จะสื่อให้ฟังว่ามันนั่งนานมากจริงๆ เพราะพอลงจากเขาก็ขึ้นเขาอีกแล้วก็ลงเขาขึ้นเขาวนไป ลัดเลาะไปเรื่อยก็จะถึง Nubra แต่เราไม่นอนนูบร้า มันอ่อนไปเราเวลาเยอะ “ซาลีม” เจ้าของเกสเฮ้าส์เราแนะนำให้ไปถึง Turtuk ที่เป็นหมู่บ้านสุดท้ายของอินเดีย ติดชายแดนปากีสถานเลย

 

ภาพนี้คือถ่ายระหว่างทาง เพราะคนขับหน้าตาแบบก็เริ่มจะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน เลยบอกให้เค้าแวะพักสักหน่อย พวกเราก็เลยลงไปถ่ายรูปกัน

ระหว่างทางไป Turtuk ภูเขาจะเป็นประมาณนี้ ก็มีความแปลกตากว่าโซนอื่นพอตัวนะ เป็นเอกลักษณ์

พวกเรามาถึง Turtuk กันตอนเย็นมากแล้ว ทุกคนเพลียร่างมากกกกกก ปวดตรูดขั้นสุด ส่วนอินเตอร์เน็ตเหรอตั้งแต่ออกจากตัวเมืองเลห์ก็คือตัดขาดจากโลก social ไปได้เลยจ้า ไม่มีอะไรทั้งสิ้น ดังนั้นในแต่ละวันเราก็จะนอนกันไวมาก เพราะทั้งเพลียทั้งไม่มีอะไรทำ พักผ่อนใกล้ชิดธรรมชาติเวอร์    มื้อเย็นก็กินข้าวที่ guesthouse แหละมีข้าวกับไข่เจียว ไข่ดาววนไป แล้วก็งัดอาหารไทยที่แบกมามากินแกล้มด้วย อิ่มอร่อย

 

อาหารเป็นพิษ!  ประมาณ 4 ทุ่มอาการท้องเสียอย่างรุนแรงของชิวก็ออกฤทธิ์ ทั้งถ่ายเหลว ทั้งอยากอาเจียนตลอดเวลา! เช็ดเข้ นี่สินะมาถึงอินเดียแล้ว ของจริงแท้แน่นอน คืนนั้นก็อ๊วกและเข้วนๆไปครับผม  คือตอนนั้นนะคิดถึงประกันเดินทางที่ทำมามากกกกกกกกกกก ถ้าอยู่ในเมืองคือจะไปหาหมอเลยไง เพราะเบิกได้ แต่นี่อยู่ไกลจากเมืองมากก็เลยทำอะไรไม่ได้นัก กะว่าเดียวพอถึงเลห์แล้วถ้ายังไม่หายจะไปเข้าโรงพยาบาลเบิกประกันให้คุ้มค่าเบี้ยสักรอบ !

เพียงเข้าผ่านลิงค์ https://bit.ly/2UTZLaQ

กรอกโปรโมชั่นโค้ด : ChillJourney ลดเพิ่มอีก 5% (จากราคาที่แสดงบน www.tipinsure.com)

 

เมื่อซื้อประกันเดินทางต่างประเทศ รับบัตรกำนัลสตาร์บัคส์ ดังนี้

600-1,199 บาท รับบัตรกำนัลสตาร์บัคส์ มูลค่า 100 บาท

1,200-1,799 บาท รับบัตรกำนัลสตาร์บัคส์ มูลค่า 200 บาท

ตั้งแต่ 1,800 บาท ขึ้นไป รับบัตรกำนัลสตาร์บัคส์ มูลค่า 300 บาท

ระยะเวลาโปรโมชั่น : 1 – 31 ก.ค. 2562

ส่วนของ Turtuk หมู่บ้านในตำนาน หมู่บ้านสุดท้ายก่อนเข้าเขตปากีสถานก็จะหน้าตาประมาณนี้นะ ก็สวยอยู่ สวยมากเลยแหละ แต่ถ้าถามว่าคุ้มไหมกับการนั่งรถมาไกลเบอร์นี้ก็คิดเอาเองแล้วกัน ชิวไม่อยากตัดสิน แฮ่!

เขียนรีวิวมายาวมาก เชื่อว่าตอนนี้เพื่อนๆคงได้ไอเดีย ได้เห็นภาพรวมแล้วล่ะว่าจะไปเลห์ยังไง จะเที่ยวยังไง เลห์เที่ยวง่ายมากกกกกกกกกกกกก เอาจริงๆก็แค่รวมกลุ่มกันให้ได้เยอะๆแล้วติดต่อไปที่โรงแรม/เกสเฮ้าส์ได้เลย บอกแผนไปว่าเราจะไปโน้นนี่นั่น ก็เอาแผนชิวไปลอกเลยก็ได้ แค่นั้นเองจบเลย ง่ายมากกกกกกกกก

 

ตอนต่อไป Part II

ยังเหลืออีก 3 วันของการเดินทาง ไฮไลท์ทั้งนั้นต่อจากนี้! อย่าลืมอ่านด้วยล่ะ

  • ไปขี่อูฐที่ Nubra valley
  • ทะเลสาบปันกอง  ในตำนานที่ทุกคนอยากมาเห็น
  • ทะเลสาบโมริริ อันไกลโพ้น
  • ปิดท้ายด้วย  ทะเลสาบลับๆที่สวยจนแทบร้องไห้ !

รีวิว “เลห์”  สวรรค์บนดินตอน Pangong lake – Tso moriri – Nubra | Leh ladakh EP.2 [2/2]

 

ติดตามการเดินทางของชิวตามไปที่ ::

Instragram :@ChillJourneyTH
Facebook Page : Chill Journey :: เที่ยวอย่างชิว
Youtube : ChillJourney

Blog แนะนำเคล็ดลับการจองที่พัก อ่านเถอะจะได้ไม่พลาดอีก!