Chill Journey | Thai Travel & Lifestyle blog

รีวิว 11 วัน Road trip เกาะใต้นิวซีแลนด์ ขับรถบ้านเที่ยวกันสุดมัน!

ไปขับรถบ้านเที่ยวเกาะใต้นิวซีแลนด์กับชิวไหม? จากคำถามง่ายๆเราโพสเฟสบุ๊คไปทีเดียวได้เพื่อนร่วมทริปมา 4 คนโชคดีมากๆๆของเราคือทั้ง 4 คนเป็นคน type เดียวกัน ชอบกิน ชอบถ่ายรูปเหมือนกัน ทริปนี้สนุกมากกกกกกกกก บรรยากาศดีเว่อร์ อากาศดีเว่อร์ อาหารอร่อยเว่อร์ เป็นหนึ่งในทริปที่ประทับใจสุดๆๆๆๆๆ รีวิวนี้เราก็จะเล่าเรื่อยๆเปื่อยแต่ถ้าใครอยากตามรอยก็แน่นอน รีวิวเราต้องตามรอยได้ง่ายๆเหมือนเดิม

 

ไฮไลท์: ประสบการณ์เที่ยวแบบรถบ้านในประเทศที่สวยอันดับโลก – ขึ้นกระเช้าดูวิวมุมสูง Queenstown – ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ชมธารน้ำแข็งขนาดยักษ์ – ล่องเรือชมความงามของฟยอร์ด Milford Sound แบบใกล้ชิด – ดูดาวและวิวสวยขั้นเทพที่ Lake Takapo – ชื่นชม Mt.Cook ภูเขาที่สูงที่สุดในนิวซีแลนด์แบบใกล้ใกล้

จองที่พักนิวซีแลนด์ ราคาถูกกับ Traveloka

https://www.traveloka.com/th-th/hotel/new-zealand/

ข้อควรรู้ก่อนไปนิวซีแลนด์

  • วีซ่า : คนไทยต้องใช้วีซ่านิวซีแลนด์นะครับ สามารถยื่นแบบเดี่ยวก็ได้ ค่าวีซ่าประมาณ 5 พันกว่ามั้ง(แต่มีโอกาสได้ยาวๆเช่น 1-2 ปี)  แต่ถ้าไปหลายคนให้ยื่นวีซ่าแบบกรุ๊ปนะคนละ 3400 แถวๆนี้ ( ข้อเสียของวีซ่ากรุ๊ปคือจะใช้ได้ครั้งเดียวเท่านั้น ไม่มีลุ้นได้ยาว )
  • รถบ้าน : คือเราว่านิวซีแลนด์เที่ยวง่ายมาก ยังไงก็ต้องเช่ารถขับรถขับเองอยู่แล้ว แต่คำถามว่า ควรเช่ารถบ้านหรือเปล่า อันนี้ต้องถามว่าอยากได้อะไรจากรถบ้าน ถ้าอยากได้ฟิลลิ่งขับรถบ้านเที่ยวก็ใช่เลย แต่ถ้าไม่ได้อยากขับรถบ้าน เราว่าการเช่ารถเก๋งขับแล้วไปนอนโรงแรมก็ได้เหมือนกัน ค่าใช้จ่ายก็ไม่ได้แพงกว่ารถบ้านเท่าไหรเลย เพราะรถบ้านมันแพงใช่เล่นนะ คุ้นๆว่าเราเช่าวันละ 8000 บาทเลยมั้ง  อ้อ… เราใช้ของแบรนด์ britz อะแต่ลองดูมันมีหลายแบรนด์ ส่วนรถเก๋งเราจองของ Jucy นะ
  • อาหารตามร้านอาหารไม่แพงมาก 3-400 บาทต่อจานก็อิ่มเลย  แต่เราทำอาหารกินเองซะมาก ประหยัดกว่าแล้วก็ได้กินอาหารไทยๆด้วย
  • แคมป์ไซต์ดีงาม : คือทริปนี้สบายมาก เราเอารถบ้านไว้แค่นอนกะขับรถเท่านั้น อาบน้ำ ทำกับข้าว เราใช้ของแคมป์ไซต์ทั้งหมดเลย มันดีมากจริง
  • แนะนำ Campsite ของเครือ Top10 นะที่เราเทสมาเราว่าเจ้านี้ดีสุดละ
  • ภาษา : ที่นี่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักนะสบายมาก
  • เงิน : ใช้เงินสกุลเค้า นิวซีแลนด์ดอลลาร์ / แต่ที่นี่เค้าไม่นิยมใช้เงินสดเท่าไหร แลกเงินไปน้อยๆแล้วเอาบัตรเครดิตรูดเอาได้เรทดีกว่าแลกเงินมาจากไทยอีก
  • ความเร็วรถ : รถทั่วไปขับได้ 100 km/h แต่สำหรับรถบ้านขับได้ 90 km/h นะ
  • เล่นเน็ต : เท่าที่ลองไล่เช็กดูใช้ ais sim2fly น่าจะถูกสุดนะเราใช้อันนี้กัน

 

NZ_00001

Day1 : Bangkok  – Sydney – Queenstown

เริ่มต้นกันที่สนามบินสุวรรณภูมิจะไปนิวซีแลนด์ให้นั่งเรือไปก็คงไม่ใช่สินะ เครื่องบินสิจ้ะสิ่งที่เราคู่ควร ชิวนัดเจอกับเพื่อนใหม่สมาชิกผู้ร่วมทริปกันที่สนามบินสุวรรณภูมิคนแปลกหน้าที่คุยกันผ่านทางไลน์กรุ๊ปที่ตั้งมาได้เดือนเศษ เมื่อครบแล้วก็ไปเช็กอินกันที่ ROW N เค้าเตอร์ Qantas Airways สายการบิน full service สัญชาติออสเตรเลีย สายนี้โหลดกระเป๋าได้ถึง 30 กิโลกรัม และกระเป๋าถือขึ้นเครื่องอีก 7 กิโลกรัม ขนกันไปรัวๆเลยจ้าอุปกรณ์ทำครัว อาหงอาหาร ขนม จัดไปอย่าให้เสีย

สำหรับตุ๊บแรกเราจะบินกันยาวๆประมาณ 9 ชั่วโมงไปแวะเปลี่ยนเครื่องกันที่สนามบิน Sydney แล้วต่อเครื่องอีกนิดไปลงยังเมือง Queenstown เมืองแรกในการเริ่มทริปนิวซีแลนด์นี้

ข้อมูลติดต่อ :: Qantas Airways ( www.qantas.com หรือ โทรศัพท์ 02 632 6611)

ไม่พูดพร่ำทำเพลงเราขอตัดไปที่เครื่องบินเลยแล้วกัน บอกตรงว่านี่เป็นการขึ้น Qantas ครั้งแรกของเรา และเป็นครั้งแรกที่โคตรประทับใจ เก้าอี้นั่งสบายมากกกกกก นี่เป็นคนที่บินมาเยอะมากๆ สำหรับตอนนี้เรายกให้ Qantas เป็น “Economy ที่สบายที่สุด” จริงๆแล้วอะที่ชิวเคยเขียนไปว่าเราชอบเก้าอี้ของ Cathay Pacific มากเพราะเก้าอี้จะเป็นการสไลด์เบาะไปด้านหน้าแทน ทำให้ช่วงขาเราได้สัดส่วนการนอนมากขึ้น และเราก็ชอบเก้าอี้ของ Japan Airlines ที่เก้าอี้ใหญ่และนั่งสบาย (แต่แปลกเรากลับเอนนอนแล้วไม่รู้สึกสบาย) แต่ของ Qantas เหมือนเอาข้อดีของทั้งสองสายมารวมกัน เก้าอี้นั่งที่นั่งสบายมากด้วยช่วงระยะห่างจากเบาะหน้ากว้าง และความดีงามคือเวลากดเอนลง ตัวเบาะจะสไลด์ไปด้านหน้า รวมทั้งเบาะด้านหลังก็เอนลงด้วย คือมันทำให้พื้นที่และสรีระการนอนมันสบายมากขึ้น ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ในส่วนของเครื่องก็แบบรุ้สึกใหม่มาก อุปกรณ์ให้ครบทั้งคู่ฟังแบบครอบหู หมอน ผ้าห่ม(เกรดดี) รวมทั้งหน้าจอส่วนตัวก็เต็มอิ่มเต็มตาเต็มใจมาก  ทัชสกรีนลื่นไหลไม่หงุดหงิด แจกน้ำดื่มตั้งแต่ทันทีที่เครื่องนิ่ง อาหารอร่อย แอร์ดูเต็มใจบริการ คือรวมๆแล้วดีมากกกกกกกกกกก เราไม่แปลกใจเลยทำไมใครๆถึงชอบบิน Qantas

ที่นั่งระหว่างเบาะกว้างมาก แล้วตัวเบาะด้านหน้ามีช่องใส่ของ 3 จุดทั้งบน กลาง และ ใต้เบาะก็ยังมี ชอบ ณ จุดนี้ ใส่ของแบบไม่พันกัน

หน้าจอสัมผัสตอบสนองดี หนังใหม่ เพลงใหม่ เยอะแยะมาก

กิมมิคที่เราชอบมากๆๆๆๆๆๆ คือวิดีโออสาธิตเซฟตี้ มันจะไม่ใช่แบบเก่าๆที่เป็นแอร์สวยๆมายืนพูดคนเดียวอะ อันนี้เค้าจะพาไปชมสิ่งสวยๆในออสเตรเลียด้วย สาธิตพร้อมกับมุขตลกไปด้วยงี้ คือชอบมาก ( ดูได้ใน youtube ลิงค์นี้ >> https://www.youtube.com/watch?v=Mg85u6ct_K0 )

ส่วนอาหารและการบริการก็ดี ดีแบบดีเลย ไม่รู้จะติอะไรกับสายการบินนี้เพราะดีทุกอย่างจริงๆ

ขอวาปตัดไป 9 ชั่วโมงเลยแล้วกันเราก็มาถึงสนามบินซิดนีย์ วิธีการต่อเครื่องง่ายมาก เราจะอยู่ใน Transit zone ไม่ต้องผ่านตม. ไม่ต้องรับกระเป๋าเพราะกระเป๋ามันจะถูกส่งต่อไปยังไฟลท์ถัดไปอัตโนมัติ และถ้าใครบินชั้น Business / First มาก็สามารถไปใช้บริการเลานจ์ของ Qantas ได้ที่นี่สนามบินบ้านของแควสตัสเองเลานจ์นี่แบบใหญ่โตมากฮะ  ใครไม่มีสิทธิ์เข้าก็เดินไปเบาๆรอขึ้นเครื่องถัดไปละกัน  ไฟล์ทที่ชิวบินเวลา transit ค่อนข้างโอเคเลยแค่ไม่ถึง 2 ชั่วโมงเดินดูของเพลินๆก็ขึ้นเครื่องต่อละไปยังควีนส์ทาวน์

อีกหนึ่งข้อดีของการบินมาลง Queenstown คือ “วิวเทพมากกกกก” เนื่องจากเป็นเมืองที่อยู่ในหุบเขาดังนั้นก่อนจะ landing เราจะได้ชมวิวความงามของภูเขาหิมะอันสวยงามแบบใกล้ๆแบบจัดเต็มประมาณ 15-20 นาทีเชียว ดังนั้นใครชอบถ่ายรูปเราแนะนำให้เลือกที่นั่งเป็น window seat รับรองว่าฟินแน่นอนนนนนน

 

ตม. โหดดดดดดดด

ตั้งชื่อเรื่องไปให้ดูน่าตกใจไปงั้น ตม.ไม่โหดเลยครับถามแบบสบายๆชิวๆมาก อารมณ์ดีอีกตังหาก แต่ความพีคมันคือต่อจากนั้นตรง custom ที่มีหน้าที่ตรวจว่าเราเอาสิ่งของต้องห้ามเข้าประเทศรึเปล่านั่นเอง! นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่เข้มงวดมากๆๆๆๆๆๆๆ กับการนำเนื้อสัตว์และพืชพันธุ์ผลไม้แปลกปลอมเข้าประเทศเค้า อย่าเนียนเชียวเพราะโดนปรับไม่คุ้มแน่ๆ เค้า X-ray กระเป๋าทุกใบนะครับ และพวกเราขนอาหารไทยมากินกันเยอะมากๆๆๆ เราก็ตอบเค้าตามจริงว่าเรามีอาหารสำเร็จมา  ทางเจ้าหน้าที่เค้าก็เปิดกระเป๋าตรวจทุกสิ่งเลย ทุกกระเป๋าเลยฮะ

 

สรุป… อาหารแห้ง เครื่องปรุง ผงผัด ข้าวสำเร็จ มาม่า น้ำพริก น้ำจิ้ม อะไรก็ตามผ่านหมดไม่ถูกยึด มีเฉพาะกุนเชียงที่ถูกยึดไปครับ (พวกอาหารที่ยังไม่แห้งสนิทไม่ผ่านนะครับ)  

 

กระบวนการทั้งหมดนี่ใช้เกือบ 2 ชั่วโมงแหนะเสียเวลาพอตัวแต่ก็สบายใจดี จากนั้นเราก็ออกมาโทรติดต่อรับรถบ้านกันกับบริษัท Britz ที่จองกันมา แป๊ปเดียวจนท.ก็ขับรถตู้มารับไปที่รับรถเค้าครับ ก็มีเช็กสภาพรถเบื้องต้น เจ้าหน้าที่อธิบายเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับรถแล้วก็ให้กุญแจเรามา เย้ลุยยยยยย เปิด GPS ขับรถเข้าเมืองกัน

รถบ้านที่เป็นทั้งพาหนะ และ ที่นอนแสนสบายของเราตลอดทริปนี้ คันหนึ่งรับได้ 6 คนแต่แนะนำแค่ 5 คนพอเหมือนเรา เพราะที่นอนอันหนึ่งมันแคบนะ เหมาะกับนอนคนเดียว เราว่า 5 คนกำลังดี นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่ออกแบบมาสำหรับการขับรถเที่ยวอยู่แล้ว campsite แต่ละอันคือดีเว่อร์ มีทั้งห้องอาบน้ำสะอาดๆ มีครัวให้ทำอาหาร ทำเสร็จแค่ลากตัวมานอนในรถแค่นั้น เช้าก็ไม่ต้องเก็บกระเป๋าขับออกไปเลย มันดีตรงเน้!

Note : ใช้บัตรขับขี่ไทยได้เลย นิวซีแลนด์ขอแค่ใบขับขี่เรามีภาษาอังกฤษกำกับก็ใช้ได้ไม่ต้องไปทำใบขับขี่สากล

Day2 : Queenstown

ถึงแล้วจ้าาาา วันแรกที่มาถึงนิวซีแลนด์มีความผิดแผนเล็กน้อยเสียเวลากับ custom นานมาก เราไม่ได้ทำอะไรมากนอกจากขับรถเล่นชมวิวรอบๆเมือง Queenstown เพื่อเป็นการทำความคุ้นเคยกับการขับรถบ้าน แต่วันนี้อากาศดีงามมาก ฟ้าใสสวยสีเข้ม อากาศเย็นนิดๆ ดีต่อใจมาก ตอนเย็นๆก็แวะเข้าเช็กอินที่ Campsite ใจกลางเมืองจะได้รู้ว่าเค้าทำอะไรกันอย่างไร จากนั้นก็ออกไปเดินเล่นต่อแถวเบอร์เกอร์ร้านดัง FERGBUGER เบอร์เกอร์อร่อยสมคำร่ำลือ ชิ้นใหญ่ ราคาไม่แพง ก่อนกลับไปนอน Campsite ก็แวะห้างซื้อเสบียง ทั้งขนม น้ำดื่ม ไก่ ผลไม้ ช็อปปิ้งกันสนุกสนาน

 

Day3 : Queenstown – Lake Te Anau – Milford Sound

ตื่นมาทำอาหารเช้าแบบเบาๆโจ๊กไก่คนจะถ้วยแล้วออกเดินทางยาวกันครับปลายทางวันนี้เราอยู่ที่ Milford Sound ระหว่างทางเราก็จะแวะที่ ทะเลสาบ Te Anau กันด้วย ต้องบอกก่อนว่าตอนแรกคิดว่าทำไมเหมือนนิวซีแลนด์ไม่ค่อยมีแลนด์มาร์คเลย อ่านรีวิวคนอื่นแต่ละวันเห็นบอกจุดกันแค่ไม่กี่จุด แต่พอไปจริงก็เป็นแบบนั้นจริงๆไม่ต้องกลัวเลยว่าจะเวลาว่างจนเซ็ง เพราะตลอดสองข้างทางเราอยากจะแวะจอดถ่ายรูปกันตลอดเวลา คือมันสวยตลอดทางจริงๆครับ ภาพที่เก็บมานี่สวยแค่ประมาณ 30% กับของจริงเพราะหลายๆจุดที่สวยมันไม่มีที่จอดให้ลงไปถ่ายรูปนะครับ

ชิวไม่สามารถบอกได้ว่าแต่ละจุดมันคือตรงไหน เพราะมันคือระหว่างทางจริงๆเดียวถ้าไปขับเองจะรู้เพราะมันมีจุดจอดเรื่อยๆก็แวะไปเรื่อยนะ นี่แวะกันจนหลังๆต้องบอกว่าจุดนี่จอดแค่ 10 นาทีแค่นั้นอะไรเงี้ย เพราะกลัวจะไปถึงปลายทางมืด

ขับบ้างจอดบ้างถ่ายรูปไปเรื่อยเราก็มาถึง Lake Te Anau กันตอนเกือบเที่ยงไปแวะถ่ายรูปกันที่สะพาน Celeb ของเมืองนี้ วิวดีงามมากกกกกกกกกก ตามภาพเลย

 

เมืองนี้เค้ามีทีเด็ดที่ homemade pie เป็นพายเนื้อทั้งหลายครับ พวกเราสั่งมาชิมกัน 2 ชิ้นคือพายเนื้อวัว กับ พายเนื้อกวาง(ของดังสุดเค้า) พายแบบเนื้อฉ่ำมาก ตอนแรกคิดว่ากวางน่าจะกินไม่ได้แบบกลิ่นแรง แต่กลับเป็นพายเนื้อวัวที่กลิ่นแรง ส่วนพายเนื้อกวางอร่อยมากกกก กลิ่นโอเคไม่แรงจนเกินไป แนะนำพายเนื้อกวางนะร้านนี้ ( venison pie )

กินกลางวันที่เมืองนี้แล้วไปต่อเรื่อยเปื่อยๆปลายทาง Milford Sound ที่ไม่ถึงสักทีเพราะมัวแต่แวะถ่ายรูปปปป

จุดแวะสำคัญตรงนี้ชื่อ mirror lake เป็นทะเลสาบที่ไม่ใหญ่นักและน้ำค่อนข้างนิ่งมากจนชื่อว่า mirror lake นั่นเอง (แต่ตอนพวกเราไปน้ำไม่ค่อยนิ่งแฮะ แต่ก็สวยนะ)

เรื่อย เรื่อย ไปเรื่อยเรื่อย ขับรถไป ฟังเพลง เม้ามอยกับเพื่อนใหม่ไปเรื่อยคุยกันสนุกมากในที่สุดเราก็มาถึง Campsite วันนี้ของเรากันชื่อ “Milford Sound Lodge” เป็น Campsite เดียวในละแวะนี่ที่ใกล้ที่สุดนั่นเองฮะ ไม่มีตัวเลือกอื่น ราคาจะแพงกว่าทั่วๆไปนิดหนึ่งแต่ก็โอเค สะอาด กว้าง สบายเหมือนเดิม นิวซีแลนด์นี่ต้องบอกเลยว่า Campsite ประเสริฐมาก มีครบทุกสิ่งอันทั้งห้องอาบน้ำ ห้องครัว ห้องทานอาหาร มีปลั๊กเสียบไฟเข้ารถ มีโอ้ยยย ครบทุกสิ่งที่มันควรจะมีอะ เที่ยวสบายมาก

 

มาแค่วันที่ 3 เราก็บ่นคิดถึงอาหารไทยกันแล้ว แต่ไม่ต้องห่วงสมาชิกทุกคนจัดเตรียมเครื่องปรุงอาหารไทยมาแบบเต็มเหนี่ยววว!! พี่มด (สมาชิกที่ขาดไม่ได้ของทริปนี้ #กราบ ) ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร เป็นเชฟใหญ่ประจำทริปของเรานั่นเอง ส่วนผมก็พอทำอาหารได้ระดับหนึ่ง ทุกวันคือทำอาหารกันสนุกมาก กินกันสนุกมากก

 

กินกันแบบจัดเต็มหายคิดถึงอาหารไทย คืนนี้เราออกไปถ่ายทางช้างเผือกกันที่ Milford Sound ก็ถ่ายติดอยู่นะแต่วันนี้พระจันทร์แรงมากเลยไม่ค่อยชัดเท่าไหร ถ่ายกันสนุกๆฮะ

Day4 : Milford Sound – Queenstown

ตื่นแต่เช้าเลยเพราะวันนี้เรามีนัดล่องเรือชม Milford Sound กันแบบฟินๆชมกันแบบใกล้ชิด ผมจองเรือของยี่ห้อ Mitre peak cruise ครับพอดีได้ดีลมาราคาพิเศษจนราคาใกล้กับของ Jucy แต่ของ Mitre peak เค้าเคลมว่าของเค้าลำเล็กกว่า คนน้อยกว่า เข้าไปได้ใกล้ชิดกว่าก็เลยเลือกจองอันนี้ ซึ่งผมก็เห็นด้วยนะว่าเข้าใกล้จริงจังมาก แทบจะติดกับภูเขาอยู่ละ 555 สรุปว่าชิวก็ว่าดีนะยี่ห้อนี้

ล่องเรือนี่เพลินมากกกกกกกก วิวสวยจริงไรจริง แล้วต้องบอกเลยว่าทริปนี้นี่มากับดวงขั้นสุดเลย อากาศดี ฟ้าดีทุกวัน

ล่องไปเรื่อยๆชมธรรมชาติที่บริสุทธิ์มากๆ (เค้าว่างั้น) ได้ดูน้ำตกยิ่งใหญ่แบบใกล้ชิด ถ้าใครเตรียมตัวมาพร้อมอยากรับพลังก็ไปยืนหน้าเรือได้เลย เรือเข้าไปจอดใกล้จนเปียกเลยฮะ (ส่วนผมหนีเข้าตัวเรือ ชุดไม่พร้อมจะเปียก 555)

 

จุดพีคสุดของการล่องเรือตลอด 2 ชั่วโมงขอยกให้กับ Seal rock เรือล่องมาถึง Seal rock เป็นจุดที่ทุกคนในเรือพร้อมใจกันส่งเสียงร้องตื่นเต้น เพราะน้องอุ๋งของเรานอนเล่น นั่งเล่นโชว์ตัวกันเต็มไปหมด น่ารักกกกกกกกกกกก มีตัวหนึ่งนางกระดึบๆขึ้นจากน้ำตั้ง 3 รอบกว่าจะขึ้น โอ้ยยยยชอบบบบ

เสร็จภารกิจกับการล่องเรือก็ขับรถกลับ Queenstown ย้อนกลับทางเดิมครับผม ขากลับนี่เราแวะกันน้อยหน่อย ต้องทำเวลาเพราะมีภารกิจเก็บตก Queenstown ต้องขึ้นกระเช้าไปเล่นรถเลื่อนกันที่โน้น อ่า นั่งรถบ้านมันก็จะชิวๆแบบเน้นั่นเอง นอนชมวิวสวยๆไปฮะ

และแล้วก็มาถึง Queenstown gondola แล้วนะ ไปซื้อบัตรค่าขึ้นกระเช้า + เล่น Luge 3 รอบแล้วก็ลุยกันเลย นั่งกระเช้าขึ้นไปด้านบนก่อนครับ จากนั้นก็ฝากของในล็อกเกอร์ ใส่อุปกรณ์ safety ตามคำแนะนำแล้วก็ลุย รถเลื่อนจะวิ่งลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลกเรา สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  ไม่ต้องกลัวว่าจะเล่นไม่เป็น คือพนักงานเค้าจะสอนอยู่แล้วในครั้งแรกที่เราเล่นนะ ( ดังนั้นแนะนำให้ซื้อจำนวนการเล่น 3-5 ครั้งไปเลย ครั้งละสั้นๆเอง )

รถเลื่อนแบบนี้อาจมีหลายที่ในโลก แต่รถเลื่อนที่นี่วิวคือดีมากกกกกกกกกก ทะเลสาบกว้างใหญ่ไพศาล บวกกับภูเขายิ่งใหญ่สุดลูกหูลูกตา คือมันใช่เลย

พอเราเล่นเสร็จเราก็อยู่บนนั้นต่อ รอดูพระอาทิตย์ตกกับเมือง ดูวิวมุมสูงของเมือง Queenstown แบบเปิดไฟ อู้หูวสมใจ

Day5 : Arrowtown – Cromwell – Mt.Cook view – Hooker valley – Lake Tekapo

เมื่อคืนเรามานอนค้างกันที่เมือง Arrow town เมืองนี้อยู่ไม่ไกล Queenstown นักห่างแค่ 30 กิโลเท่านั้นเอง Arrow town เป็นเมืองที่อนุรักษ์ไว้บรรยากาศเหมือนในอดีตยุคตื่นทอง บรรยากาศก็จะเหมือนหลุดไปในหนังคาวบอยหน่อยๆ เมืองเล็กนิดเดียวแต่ถ่ายรูปสวยดี

จาก Arrow town มุ่งหน้าสู่จุดชมวิว Mt.Cook ที่สวยที่สุดชื่อ Peter’s lookout ส่วนระหว่างทางก็จะสวยงามไปเรื่อยๆอีกแล้ว พวกเราแวะเมืองทางผ่านที่ Cromwell เป็นเมืองผลไม้ไปแวะถ่ายรูปกับรูปปั้นผลไม้ยักษ์เค้าสะหน่อย

และที่นี่ยังมีทะเลสาบสะท้อนน้ำแบบพีคๆด้วยนะ ตอนชิวไปน้ำนิ่งมาก สะท้อนแบบสะท้อนเป็นกระจกเลยจ้า

อีกจุดน่าแวะคือ Lindis pass เป็นถนนที่ตัดผ่านภูเขาก่อนเข้าสู่กลางประเทศ ตรงจุดนี้ภูมิประเทศจะแปลกตามาก จากความอุดมสมบูรณ์ก็เหมือนหลุดไปในที่แห้งแล้งในทันที ต้นไม้จะเตี้ยๆเป็นพุ่มๆเล็กๆแทน ผมเดาน่าจะเป็นเพราะถูกภูเขาขนาดยักษ์ทั้งสองฝั่งกั้นทั้งลมทั้งฝนไปจนหมด อ้อก็มีจุดชมวิวให้แวะถ่ายรูปด้วยนะ 2-3 จุดลองแวะๆดู

 

หลังจากขับรถกันแบบยาวนานสัก 3 ชั่วโมงเราก็มาถึงจุดชมวิวในตำนาน ซุปเปอร์ไฮไลท์ของเกาะใต้นิวซีแลนด์แล้วนั่นคือจุด “Peter’s lookout” นั่นเองเป็นจุดชมวิวที่สวยลงตัวในทุกสิ่ง เห็น Mt.Cook สะท้อนน้ำได้ชัดเจน เห็นถนนที่โค้งทอดยาวไปตามแนวเขา คือดีมากกกกกก

วันนี้ต้องทำเวลานิดหนึ่งไปหลายที่มื้อกลางวันก็เลยต้มน้ำร้อนใส่มาม่าคัฟกินกันพร้อมกับวิวเทพๆแล้วไปต่อกันที่ Hooker valley track พอขับรถมาจอดเสร็จเตรียมตัวอะไรเรียบร้อยก็เริ่มเดินกัน

Hooker valley track เป็นทางเดินชม Mt.Cook แบบใกล้ชิดสุดๆตลอดระยะทางไปกลับประมาณ 2 ชั่วโมงเราจะได้เห็นภูเขาหิมะยิ่งใหญ่อลังการแบบแนบชิดมากๆ เกิดมาไม่เคยเห็นใกล้ขนาดนี้มาก่อนเลย ทางเดินก็ง่ายๆครับไม่ได้ปีนป่ายอะไร เดินเรื่อยๆพอได้ออกกำลังกายนะ ถ้ามีเวลาชิวก็แนะนำให้มาเดิน ดูจากรูปอาจจะไม่สวยมากนัก แต่ของจริงสวยมากๆเห็นภูเขายิ่งใหญ่มากๆเลย

ไปครับเป้าหมายถัดไปคือปลายทาง Lake tekapo แต่ขากลับเราก็ผ่าน Peter’s lookout อีกแล้วก็เลยแวะถ่ายรูปกันอีกสักรอบ รอบนี้สวยกว่าเดิมเพราะเมฆที่ปกคลุมยอดหายไปแล้ว รวมทั้งน้ำก็นิ่งกว่าเดิมด้วยนะ ^^

เอ้ารอบนี้ของจริงยาวๆไปจ้าจนถึง Lake tekapo วันนี้เราพัก Campsite ริมทะเลสาบกันเลยแบบใกล้ๆ พอเช็กอินเสร็จได้รู้ว่าเราจอดตรงไหนแล้วก็ไปถ่ายรูปที่โบถส์เซเลป “Church of the Good Shepherd” กันตรงหน้าโบถส์โซนติดกับทะเลสาบจะมีทุ่งดอกลูปินด้วยครับ เอาให้บานแบบพีคๆก็ต้องหน้าร้อนช่วงเดือน ธค. เลยแต่พวกเราไปต้นเดือนพย.ก็เจอแล้วบ้างนะ อาจไม่เยอะมากแต่ก็ประทับใจอยู่

Day6 : Lake tekapo – Wanaka

ตั้งแต่เช้าเราบึ่งไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันที่โบถส์เซเลปเหมือนเดิม บรรยากาศช่วงเช้าก็สวยแปลกตา ประทับใจ ไปอีกแบบ วันนี้เรามีภารกิจไปชมวิวจิบกาแฟกันที่ University of Canterbury Mt John Observatory โอ้โหชื่อยาวไปไหนนนน อยู่ใกล้ๆกับ Lake ล่ะครับขับรถไปประมาณ 20 นาทีก็ถึงยอดละ (ทางชันแต่รถบ้านขึ้นได้ไม่ได้โหดเกินไป)

 

ด้านบนคือความพีคในพีควิวงามมากกกกกกกกกก เราว่าจริงๆถ้ามาดูพระอาทิตย์ตกตรงนี้น่าจะสวยมากเลย ขนาดเรามาตอนสัก 11 โมงยังสวยมาก อากาศดีๆกาแฟอร่อยๆ ฟินนนนน

สำหรับสาวกปลาส้ม ( แซลม่อน ) ต้องห้ามพลาดกับแซลม่อนซาชิมิที่ร้าน Mount Cook Alpine Salmon แซลม่อนเกรดดีมาก แล่สำเร็จ มีอุปกรณ์การทานพร้อม คือฟินมากกกกกกกก อร่อยแบบโคตระอร่อย อร่อย อร่อย อร่อย อร่อย อร่อย บ่นว่าอร่อยวนไปสิบรอบ

ไปต่ออีกร้านหนึ่งชื่อ High country salmon เป็นฟาร์มและร้านอาหารที่ขายแซลม่อน ร้านนี้มีกิมมิคที่เราสามารถได้เห็นปลาแซลม่อนสดๆ ให้อาหารมันก็ได้ อาหารก็จะมีหลากหลาย แต่…. ถ้าเอาความอร่อยของปลาดิบแล้วต้องร้านที่แล้ว อร่อยกว่าเยอะมากๆ ร้านนี้อาหารหน้าตาดีแต่รสชาติเฉยๆแฮะ

ไปต่อกันนอกแผนเล็กน้อยที่ Clay cliff ทางเข้านี่แบบแย่มาก ถนนลูกรังกระแทกกระเด็นกระดอนตลอดเวลา 2 กิโลที่เข้าไป พอเข้าไปก็สวยใช้ได้ เหมือนในภาพนี้ล่ะ จะว่าเป็นมินิแกรนแคนย่อนก็ได้ ที่นี่ไม่พีคเท่าไหร ถ้าไม่เวลาเหลือก็ไม่ต้องแวะก็ได้ครับไม่ค่อยมีอะไรเน้อะ

ไปปป รอบนี้เราตรงยาวไปที่ Wanaka lake กันเลยจ้า หลายคนอาจจะรู้สึกว่าทำไม Lake นี้คนพูดถึงเยอะจัง ดูจากรูปก็งั้นๆไม่ค่อยสวย แต่จะบอกว่าเป็นโชคร้ายของ Lake Wanaka นางถ่ายรูปไม่ค่อยสวย แต่เมืองสวยมาก ทะเลสาบก็สวยมาก ชิวมากกกกกกกกกก

อย่าลืมแวะกิน Fish and chip ร้านดังริมทะเลสาบด้วยนะ อร่อยมากๆให้เยอะมากโดยเฉพาะ chip ให้เยอะมาก แต่….ด้วยความเพลิน จกกินแป้ปเดียวหมดจ้า!! กรี้ดแป้ป สงสารร่างตัวเอง 555

เรื่อยเปื่อยๆดูนาฬิกาอีกทีอีก 15 นาทีสองทุ่ม! วัตถุดิบทำอาหารยังไม่ได้ซื้อก็รีบบึ่งไปห้างด่วนเลย ส่งทีมงานลงไปช็อปปิ้งส่วนชิวเอารถไปเก็บ ฮามาก โชคดียังซื้อทันได้ไก่หมูผักผลไม้กีวี่ โอ้ยเยอะสิ่ง ความสนุกอีกอย่างหนึ่งของ road trip คือการทำอาหารและการกินนี่แหละ ช่วยกันทำช่วยกันกิน อร่อยมาก 555

 

Day7 : West coast – Fox glacier

วันที่ 7 ของการเดินทาง ตอนนี้ทั้งสุขทั้งเหนื่อยไม่แพ้กัน เที่ยวตั้งแต่ 8 โมงถึงสามสี่ทุ่มทุกวันเที่ยวแบบสุดคุ้ม วันนี้เราออกเดินทางไกลผ่านฝั่ง west coast แล้วไปให้ถึง Fox glacier ประมาณบ่าย 3 เพราะมีนัดกับเฮลิคอปเตอร์​ตอน 4 โมงเย็น

 

ออกจาก Wanaka มาได้นิดเดียวยังไม่ทันไรก็เจอ “คนโบกรถ” ชิวตะโกนถามเพื่อนร่วมทริปแบบด่วน “รับไหม” พอได้ยินเสียงใครสักคนพูดว่าว่าโอเค ก็จอดเลย รับหนุ่มลุค Backpacker​ ชาวแคนนาดาขึ้นมา 1 คนแล้วปล่อยสมาชิกเราไปเม้ามอยฟุดฟิดฟอไฟกันไป

อันนี้อยู่ระหว่างทางดูน่าแวะก็เลยขับเข้าไปกัน ถ่ายรูปกันแบบเพลินๆ สวยมากกก

แต่… ทางมันค่อนข้างแคบ พอกลับรถแล้ว แล้ว แล้ว รถไม่ขยับ!!! เอ้าาาพื้นตรงนั้นเป็นทราย!! ต้องกราบความเทพของ เซบาสเตียน​  เค้าแบบเก่งมากขุดทรายรอบๆล้อ ขุดๆๆๆ แล้วเอาไม้วาง บอกให้ชิวถอยหลังแรงๆ เห้ยมันรอด!!! รอดแบบง่ายๆเลย ดีนะรับเค้ามา ถ้ามีกันเองสงสัยคงอีกนาน เผลอๆไปไม่ทันขึ้นเฮลิคอปเตอร์​แน่ 5555

จากนั้นเราก็ขับรถกันยาวๆเลยแทบไม่ได้แวะ แต่ความอเมซิ่งของฝั่ง west coast คือธรรมชาติ​มันแปลกตามาก เหมือนไม่ใช่นิวซีแลนด์​ที่เรารู้จัก

และเราก็มาถึงเมือง Fox glacier ตั้งแต่บ่ายสอง แต่วันนี้ฟ้าใจร้ายกับเรา เมฆนี่ทึบเลย!! ชิวเดินไปถามพนักงานทัวร์เฮลิคอปเตอร์ ว่าวันนี้เราจะได้ขึ้นไหม เค้าก็ตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้

“อืมมมม”

“เดียวเรามาลุ้นกัน”

“เดียวบ่าย 3 ครึ่งยูกลับมาอีกทีแล้วกันนะ”

สรุปรอไปก่อนจ้าเดียวใกล้ๆลุ้นกันอีกรอบ ระหว่างนี้ก็ปาร์ตี้มาม่า จิบชง จิบชา ประกอบอาหารเบาๆในรถบ้านไปก่อน

 

และแล้วก็บ่าย3ครึ่ง….

“วันนี้ฟ้าปิดนะ เราให้กัปตันไปดูแล้วไม่ได้นะ”

“เช้าพรุ่งนี้​พวกยูยังว่างไหม”

ชิวรีบตอบไปว่าเราว่าง

” งั้นพรุ่งนี้​ตอน 7 โมงมาเจอกันอีกทีนะ ”

 

ช่วงเย็นวันนั้นเราก็เลยขับรถไปดูเมืองใกล้ๆชื่อ Franz Josef Glacier แล้วไปเดิน trail รอบ lake Matheson กันพอเหนื่อยระยะทางรอบ lake ประมาณ 2 ชั่วโมง จริงๆตรงนี้จะสวยมากนะได้วิวสะท้อนน้ำของภูเขา แต่วันนี้ฟ้าปิดยอดเยิดอะไรหายหม้ดดดดด

ช็อปปิ้งวัตถุดิบ​จากซุปเปอร์ไปทำอาหารไทยแบบชุดใหญ่ไฟกระพริบ​กันที่ Campsite ทำแบบเยอะมากกกก แต่ก็กินกันหมด 555+

 

Day8 : Fox Glacier – Greymouth

เช้าวันนี้ตื่นมาแบบวิ่งไปล้างหน้าแปรงฟันแล้วบึ่งรถออกไปเลยจ้า เราไปด้วยความหวัง เราไม่อยากได้เงินคืน แต่เราอยากขึ้นเฮลิคอปเตอร์!!  และ และ และ รอจนถึง 7:30   พนักงานก็บอกว่า

“ฟ้าเปิดแล้ว เราไปได้นะ”

เฮ!!! ทริปนี้แม่งโคตรมากะดวง

พนักงานก็บอกทุกสิ่งอัน บอกต้องทำตามเค้าบอกเท่านั้น ห้ามแตกแถวนะจ้ะ! ระยะเวลาทั้งหมดของทริปการนั่งเฮลิปคอปเตอร์ชม glacier แค่ 20-25 นาทีเท่านั้นเองแต่เป็นโมเม้นต์ที่ประทับใจมากกกกก เหมือนเป็น magical moment อะแบบลืมทุกสิ่งมัวแต่ฟินกับประสบการณ์ใหม่ๆที่ได้เจออยู่

เสร็จภารกิจเฮลิคอปเตอร์แล้วก็เลยขับรถต่อกันยาวๆจนไปถึงเมือง Greymouth เมืองริมทะเลที่ค่อนข้างเจริญอีกเมืองหนึ่ง แวะกินข้าวร้านดังชื่อ Spegihts Ale House ร้านนี้หาง่ายตั้งอยู่ตรงข้ามกับสถานีรถไฟของเมืองนี่เองฮะ  ชิวว่ารสชาติดีเลย อร่อย ราคาอาจจะดูสูงสักนิด (จานละ 3-400 บาท) แต่ถ้าเทียบปริมาณที่ได้นี่คือไม่แพงเลย ชิวว่าร้านอาหารที่นิวซีแลนด์นี่ราคาโอเคมากเลยไม่แพงแบบยุโรป

อิ่มแล้ววันนี้เราจะเที่ยวกันเบาๆเพื่อเป็นการพักร่าง (ที่พูดกันมาทุกวันว่า เดียววันนี้พักนะกลับไว แต่ก็กลับถึงที่พักสามทุ่มกว่าทำกับข้าว กินข้าว อาบน้ำนอนก็เที่ยงคืนทุกที ถถถถถ ) เราจะไปเที่ยวแค่ Pancake rock กลับมาช็อปปิ้งซื้อเสบียงและของฝาก กลับแคมป์ทำอาหารกันให้อร่อยพอเลย ^^

ก็ขับรถไปเลยจ้าระหว่างทางก็จะประมาณนี้ มีทางให้แวะบ้างพอสมควร ทะเล ทะเล ไปฟิลลิ่งแถบนี้ก็จะคล้ายกับออสเตรเลีย (ใช่สิมันอยู่ติดกันแค่ข้ามทะเล)

ขับมาถึง Pancake rock ก็เริ่มเดินไปครับ มันจะเป็นทางเดินเป็นวงกลมอยู่แล้ว เข้าทางหนึ่งแล้วก็วนไปออกก็กลับมาทางเดิมไม่ต้องกลัวหลง หินรูปร่างแปลกประหลาดมีให้ดูเรื่อยๆ เพลินๆ ตามที่เค้าเขียนไว้บอกว่า 45 นาทีจะเดินครบ พวกเราใช้เวลากันเกือบ 2 ชั่วโมงแหนะ มัวแต่เหนื่อย เอ้ยยย มัวแต่ถ่ายรูปกันอยู่

ส่วนวันนี้ก็ทำได้ตามแผนนะ ได้พักผ่อนจริงๆละช็อปปิ้งเข้าแคมป์กันตั้งแต่ 2 ทุ่มเลย ( นี่ไวแล้วเหรอ555 )

 

Day9 : Greymouth – Spring field – Christchurch – Kaikoura

วันนี้เราจะขับรถกันทั้งวัน! วันนี้ภารกิจเราคือขับรถบ้านไปแวะเล็กๆน้อยๆแถว Spring filed แล้วขับรถต่อไปคืนรถบ้านให้ทันที่ Christchurch airport ก่อนเค้าปิด(ตอน4โมง) จากนั้นก็ขยับตัวเล็กน้อยไปรับรถเก๋งมาขับไปอีก 3 ชั่วโมงไปนอนที่เมือง Kaikoura!

วันนี้ก็เพลิดเพลินไปกับการขับรถ ชมวิวไปเรื่อย รูปอาจไม่ค่อยเพราะไม่ค่อยได้แวะลงไปถ่ายนักแต่อย่างที่ชิวบอกว่าต้องมาดูด้วยตัวเอง วิวระหว่างทางมันสวยแบบอลังการงานสร้างทุกวันอะ ภาพที่เราถ่ายมาสวยได้ไม่ถึงเสี้ยวของจริงเลยนะ

 

Day10 : Kaikoura – Christchurch

เมื่อวานเราขับรถกันโหดมากๆ เพื่อมาให้นอนค้างที่เมือง Kaikoura เพราะเช้านี้เราจะออกไปดู Sperm whale กัน ซึ่งจองล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์เอาได้เลยนะ www.whalewatch.co.nz ราคาค่อนข้างแพงคนละ 150 NZD แต่ความดีงามของทัวร์นี้คือถ้าออกเรือแล้วไม่เจอวาฬ เค้าคืนเงินให้ 80% (หรือเราสามารถไปรอบถัดไปที่ว่างได้ฟรีๆ)

ซึ่งงงงงงงง ดวงแตกกันวันสุดท้ายนี่แหละครับท่านผู้ชม! ไม่เจอฮะวาฬ 55555 เนื่องด้วยเวลาเราไม่มีพอแล้วก็เลยลาก่อยนะจ้ะ รับเงิน refund คืน 80% แทนครับผม แต่ไม่ต้องเสียใจว่าอุส่าห์มาตั้งไกล เมือง Kaikoura ยังเป็นที่ๆสามารถดูแมวน้ำได้ใกล้ชิดมากๆอีกด้วยนะ ให้ไปที่พิกัดชื่อ “Point kean viewpoint” มันจะเป็นแหลมยื่นออกไปทางเดินแบบหินๆ บางจุดก็แอบลื่นนิดหน่อย แต่จะได้เจอน้องแมวน้ำแบบใกล้ชิดเลย มันนอนแบบนอนตายอะ นิ่งเว่อร์ 555

ดูอุ๋งๆจนอิ่มใจแล้วก่อนโบกมือลา Kaikoura ก็ต้องห้ามพลาดเมนูเด็ดคือกุ้ง Crayfish เจ้มดเชฟใหญ่ประจำทริปและผู้สรรหาร้านอร่อยก็บอกว่าต้องไปร้านนี้เลย The Pier Hotel Restaurant ร้านนี้ขอบอกว่า highly recommend ทั้งอร่อยทั้งวิวดีทั้งราคาดี กินกินตั้ง 5-6 เมนูหารออกมาคนละ 600 บาทงี้ คือดีมากกกกกกก

อิ่มแล้วเราก็ขับรถกลับไปที่ Christchurch กันและอย่างที่ใครต่อใครว่า Christchurch ไม่ค่อยมีอะไรเลยครับ นอกจากเดินห้างช็อปปิ้งซื้อของฝากกลับไทยเน้อะ สำหรับทริปนี้ดีงามแบบโคตรประทับใจ ประทับใจนิวซีแลนด์ขั้นสุดไปเลย ทุกคนลงความเห็นว่าประเทศนี้น่าเที่ยวมาก วิวดีมาก อาหารอร่อย บรรยากาศดี ผู้คนดี ประเทศดี โอ้ยยยยยยยยย หาข้อติไม่ได้เลย!

จองที่พักนิวซีแลนด์ ราคาถูกกับ Traveloka

https://www.traveloka.com/th-th/hotel/new-zealand/

Exit mobile version