Chill Journey | Thai Travel & Lifestyle blog

แกะกล่องลองใช้กล้องใหม่ Sony A6300 Auto focus เร็วสุดในโลก และภาพสดจาก Norway !

ผมได้กล้อง Sony A6300 ตัวใหม่มายืมให้ผมลองเอาไปเที่ยว Norway-Iceland ด้วยกล้องนี้เพิ่งออกมาแบบสดๆร้อนๆ ด้วยความฮอตฮิตและคนรอคอยรุ่นใหม่มานาน หลายๆคนรวมทั้งพี่ที่ทำงานมือไม้สั่นไปต่อคิว Test drive กันที่ช็อปเลย แต่วันนี้ผมได้มาแล้ว! บล็อกนี้ก็จะมาแบบมินิรีวิวเขียนกันแบบสดๆ ผมได้รับมาก่อนออกทริปวันเดียวเอามาลองๆเล่นแล้วหยิบไปลุยกันเลย

แกะกล่อง

Sony6300_MG_0098

ได้กล่องมาแล้วมาแกะกันมีอะไรบ้าง หลักๆมีประมาณนี้ครับ

  1. กล่อง ( ใช่ซิ…แกจะบอกทำไม )
  2. กล้อง พร้อมเลนส์คิท 16-50
  3. Adapter และ สาย USB ( สายเข้ากล้องเป็น mircro usb เหมือนมือถือรุ่นใหม่ )
  4. Eyecup ( ยางรอง viewfinder )
  5. สายคล้องกล้อง
  6. คู่มือ

คุณสมบัติกล้อง

กล้อง Sony A6300 เป็นกล้องกึ่งโปรซึ่งพัฒนาต่อมาจากรุ่นที่ประสบความสำเร็จในอดีตอย่าง A6000 ตัวนี้ใช้เซนเซอร์แบบใหม่เป็นเซนเซอร์ CMOS ขนาด APS-C ความละเอียด 24.2 ล้าน เซ็นเซอร์รุ่นนี้ใช้เทคโนโลยี Copper Wiring ที่ช่วยลดระยะของวงจรระหว่างระนาบเซ็นเซอร์และ Photodiode ทำให้สามารถรับแสงที่มากระทบกับตัวเซ็นเซอร์ได้มากขึ้น นั่นหมายความว่าเซ็นเซอร์รุ่นใหม่นี้สามารถช่วยลด Noise ได้ดีขึ้นและ ทำให้คุณภาพภาพดีขึ้นกว่าตัวเดิม และรุ่นนี้ชูจุดเด่นเรื่องความเร็วในการโฟกัสเดียวผมจะพูดต่อไป

การโฟกัสเร็วสุดในโลก

กล้อง Sony A6300 นี้มีจุดโฟกัสแบบ Phase Detection จำนวน 425 จุดและจุดโฟกัสแบบ Contrast Detection อีก 169 จุด เอาแบบอธิบายภาษามนุษย์คือจุดโฟกัสโคตระเยอะ เยอะแบบบ้าไปแล้ว เยอะมากกว่ากล้องธรรมดาๆหลายเท่า Sony บอกว่าโฟกัสได้เร็ว 0.05 วินาทีซึ่งเรียกได้ว่า “โฟกัสเร็วที่สุดในโลก” ณ ขณะนี้

ชัตเตอร์อย่างไว

ความเร็วชัตเตอร์สูงสุดอยู่ที่1/4000วินาที ช้าสุดอยู่ที่30วินาที มีโหมดBulbให้ใช้งาน และมีโหมด Silence shutter สามารถถ่ายแบบเสียงเงียบๆได้  มันมีประโยชน์ตอนเวลาผมถ่ายสัตว์ใกล้ๆเช่นน้องหมาน้องแมว น้องๆเค้าจะไม่ตกใจครับ

 

ISO ไม่น้อยหน้า

ปรับได้ตั้งแต่ 100–51,200 ครับ อธิบายภาษามนุษย์ตรงนี้คือตัวช่วยในการถ่ายที่แสงน้อยเหมือนเป็นตัวคูณแสงยิ่งเลขเยอะก็ยิ่งสว่างแต่ก็อาจจะทำให้ noise เยอะขึ้น ใครมองภาพไม่ออกว่า 51,200 เยอะแค่ไหน ปรกติถ่ายกันที่ ISO 6,400 ก็ถือว่าสว่างมากๆแล้วครับนี่คือมากกว่านั้นได้อีก 8 เท่า!!

การรัวได้หายห่วง

สามารถยิงต่อเนื่องได้ที่ 11 ภาพต่อวินาที เท่าที่ลองแล้วรัวมากๆไม่ต้องห่วงเลยเวลาถ่ายภาพ action กดค้างแล้วไปเลือกได้เลย

 

ถ่ายวิดีโอแบบ 4K และ Slow Motion 120fps

จุดเด่นเหมือนกันเพราะสามารถถ่ายวีดีโอ 4K ได้ (ที่30เฟรมต่อวินาที 100Mbps) และ Full HD คือสามารถถ่ายได้ที่ 120 เฟรมต่อวินาที ถามว่า 120 เฟรมนี้มันเจ๋งยังไง มันเป็น Frame rate ที่มากพอที่ทำให้เราเอาไปทำ slow motion ได้แบบไม่กระตุก

กริบจับถนับมือ

ตัวกล้องด้านหน้ามีกริบยางที่ปูดออกมารับมือขวาของผู้ใช้งาน สามารถจับได้อย่างถนัดมือทีเดียวครับ กล้องนี้ออกแบบได้ใกล้เคียงกล้องรุ่นโปร สามารถใช้งานได้คล่องตัว

แฟลช

กล้องนี้มีแฟลช Pop up ในตัว เมื่อกดปุ่มหน้าตาเหมือนสายฟ้า ก็จะเด้งขึ้นมาในภาพครับ ด้านบนมี hot shore สามารถต่อ External flash ได้เช่นกัน

Viewfinder



หรือช่องมองภาพเป็นแบบช่องมองภาพแบบอิเล็กทรอนิกส์ ความละเอียดอยู่ที่ 2,359,296 จุด คมชัดทีเดียว  หลายคน(เช่นผม) อาจจะไม่ชอบกล้อง mirrorless ที่ไม่มีช่องมองภาพ มันขาดเสน่ห์ของการถ่ายภาพไป (เวอร์ 555) ตัวนี้มี auto mode คือจะแสดงผ่านหน้าจอด้านหลังปกติ แต่เมื่อเราเอาตาไปใกล้ๆช่องระบบก็จะปรับภาพให้แสดงบน ช่องมองภาพให้อัตโนมัติเลยครับสะดวกดี (ปรับเป็นโหมดดูผ่าน view finder อย่างเดียวเพื่อประหยัดพลังงานได้ด้วยผมลองแล้ว แต่คิดว่าโหมด auto จะสะดวกกว่า

อ้อ…ในกล่องแถม eye cup มาด้วยเอามาสวมเข้ากับช่องมองภาพทำให้มองได้สะดวกมากขึ้นและดูเป็นกล้องโปรถือแล้วหล่อขึ้นด้วย

หน้าจอ

มีขนาด3นิ้ว 3นิ้วแค่ไหน…ก็เท่าๆกับมาตรฐานเดียวกับกล้องMirrorlessทั่วไปแหละครับ และมีความละเอียดถึง 921,600 จุดมีขาพับซึ่งสามารถดันขึ้นได้90องศา  และดันลงได้45องศา เพื่อปรับมุมมองในการถ่ายภาพได้แต่สำหรับขา Selfie ผมต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะ รุ่นนี้ไม่สามารถพับขึ้น 180 องศากลับมา Selfie ไม่ได้นะครับ

การจัดวางปุ่ม

          กล้อง Sony A6300 ทำการบ้านมาได้ดีทีเดียวครับมีปุ่มควบคุมคล้ายกับกล้อง DSRL รุ่นโปรที่ผมใช้อยู่แทบจะครบถ้วน (จริงๆคิดว่าครบแต่ไม่กล้าพูดเพราะยังลองไม่หมด ) ไม่ว่าจะเป็นปุ่มปรับโหมดด้านบน โหมด A(AV) S(TV) M P สามารถสลับได้อย่างง่ายดายด้วยการหมุนปุ่ม  มีปุ่มทางขวาเพื่อเลื่อนภาพ และ มีปุ่มวิดีโอแยกตังหากเพิ่มความสะดวกในการถ่ายวิดีโอสามารถกดเริ่มถ่ายได้ทันที

ส่วนที่ผมชอบมากๆ เพราะทำให้การถ่ายภาพถนัดขึ้นคือปุ่ม Dial (วงกลม) ปุ่มหมุนที่ทำให้การปรับค่า รูรับแสง ปรับ shutter speed ปรับความสว่างทำได้เร็วๆมากๆเหมือนกับกล้องรุ่นใหญ่ที่เคยใช้งานครับ ไม่ต้องกังวลเลยว่าใช้ mirrorless แล้วจะปรับการตั้งค่าไม่ได้เร็ว ไม่ทันสถานการณ์ กล้องนี้ออกแบบมาใช้งานกึ่งโปรครับไม่ต้องห่วง

ภาพตัวอย่าง : อย่างเช่นจะปรับให้สว่างขึ้นแค่หมุนไปทางขวาแค่นั้นเองครับ

น้ำหนัก

น้ำหนักของกล้องตัวนี้คือประมาณ 404 กรัม ไม่ถึงครึ่งโลแต่พอรวมเลนส์แล้วก็น่าจะสัก 700 กรัมก็ถือว่าหนักกว่าตัว A5100 ที่ผมเคยใช้แต่กริบจับถ่ายถนัดขึ้นครับผมว่าขนาดกำลังดี ไม่หนักจนรู้สึกเมื่อย แต่ก็ไม่เบาจนจับไม่ถนัด

บอดี้กันฝุ่นและกันความชื้น

หลายครั้งเราต้องไปเที่ยวไปถ่ายในสภาพอากาศที่แย่ๆ เช่น ฝุ่นเยอะ หรือ แม้กระทั่งฝนตกบอดี้ตัวนี้กันน้ำและกันชื้นได้ระดับหนึ่ง พอจะโดนละอองฝนได้ระดับนึงครับ ผมเอาไปเดินขึ้นเขาฝนตกตลอดอากาศใกล้เคียง 0 องศากล้องก็ยังไม่น็อคถือว่าสอบผ่านเลยครับ


Wifi

สามารถส่งรูป/วิดีโอ เข้ามือถือได้ผ่านแอพ PlayMemories ครับเอาไปอัพขึ้น Social อวดเพื่อนระหว่างเที่ยวได้เลย อีกทั้งสามารถใช้มือถือเป็นรีโมตสั่งการให้ถ่ายภาพได้ผ่านแอปในตัวกล้องชื่อ Smart Remote  เอาไว้ตั้งถ่ายตัวเองแบบชิคๆคูลๆไม่มองกล้องเหมือนถูกแอบถ่ายได้เลย 555

รู้ข้อมูลเบื้องต้นไปแล้วก็มาลองภาพตัวอย่าง ที่ผมถ่ายจาก Norway กันครับ









สรุปผล

เท่าที่ได้ลองใช้มาประมาณ 1 สัปดาห์ถือว่าเป็นกล้อง mirrorless ในระดับกึ่งโปรที่จัดสเป็คมาให้แบบเต็มๆ จุดเด่นที่ชูเรื่องโฟกัสต้องบอกว่าเร็วดังคำโฆษณา กันละอองน้ำได้จริงลุยป่าลุยฝนต่อเนื่อง 4 ชั่วโมงก็ไม่น็อคไม่พัง เจอหนาวหนักๆถึงติดลบ10ที่ไอซ์แลนด์ก็ไม่น็อคเช่นกัน และที่ชอบมากๆเรื่องการถ่ายต่อเนื่อง 11 ภาพเวลาถ่ายภาพกระโดดจับได้ทุกจังหว่ะ เสียงรัวปักๆๆจนคนรอบๆหันมามอง ส่วนภาพที่ได้ออกมาแจ่มจนผมคิดว่าจะเป็นกล้องคู่ใจในการท่องเที่ยวของเพื่อนๆได้อย่างแน่นอนครับ

[advertorial]
Exit mobile version