Chill Journey | Thai Travel & Lifestyle blog

รีวิวโมร็อคโค พาเที่ยวเมืองเก๋ ขี่อูฐนอนค้างในทะเลทรายซาฮาร่า สัมผัสความแตกต่างที่น่าหลงไหล

คำนิยามสั้นๆของโมร็อคโคสำหรับเราคือ “ ดี ดีมาก ดีที่สุด ” ด้วยความที่เราหลงใหลความแปลกใหม่ วัฒนธรรมที่ไม่ใช่เอเชียและยุโรป รวมทั้งหนึ่งในความฝันของเราคือการไปเยือนทะเลทรายซาฮาร่า รีวิวนี้จะพาเพื่อนบินไปพร้อมกันไปสัมผัส The land of contrast ด้วยกันกับเรา

 

เราเชื่อว่าทุกคนรู้จัก ทะเลทรายซาฮาร่า ได้ยินมาแต่เด็กน้อย แต่ประเทศ โมร็อคโค” สำหรับเราไม่เคยอยู่ในหัวจนมีเพื่อนฟิลิปปินส์ที่เดินทางมารอบโลกบอกเราว่า “เป็นประเทศที่เค้าชอบที่สุด” เราก็จำฝังหัวเอาไว้ว่ามันใช่ ทันทีที่ได้รับสายคำชวนจาก AIS Serenade ชวนเราไปโมร็อคโคกับ Serenade Exclusive Trip เราตอบตกลงทันทีแบบไม่ต้องคิด

 

“ไปครับ”

 

ข้อมูลเบื้องต้นที่ควรรู้ก่อนไปโมร็อคโค

  • โมร็อคโค อยู่ในทวีปแอฟริกาเหนือ อยู่ติดกับประเทศสเปนเพียงแค่ทะเลกั้น
  • คนไทยต้องทำวีซ่า มีสถานทูตในไทยสามารถจ้างคนไปยื่นได้ไม่ต้องไปด้วยตัวเอง
  • ใช้สกุลเงินของตัวเอง Dirham ให้แลกเงิน Euro หรือ USD ไปค่อยไปแลกที่โน้น
  • อากาศค่อนข้างแห้งแล้ง ฤดูกาลของเดือนใกล้เคียงยุโรป ( ก็มันติดกัน… )
  • เวลาห่างจากไทย 7 ชั่วโมง ( GMT+0 )
  • เป็นประเทศมุสลิม ดังนั้นการแต่งกายควรสุภาพแต่ไม่ถึงขนาดต้องคลุมผ้า
  • AIS Data Roaming ผมใช้งานได้ดีตลอดทริป มีสัญญาณหายเฉพาะตอนเข้าไปทะเลทรายลึกๆ
  • อาหารค่อนข้างเป็นไปทางแขก แนะนำให้เตรียมอาหารไทยไปให้พร้อม

 

DAY 1 : Bangkok – Doha – Casablanca – Marrakech

เริ่มต้นความพิเศษตั้งแต่ก้าวออกจากบ้าน! รอบนี้ไม่ง้อแท็กซี่เพราะเค้าส่งรถลิมูซีนมารับถึงบ้านกันทุกคน โอ้โห! นั่งสวยๆหล่อๆกันไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ก็เดินไปหาเจ้าหน้าที่ตามที่นัดแนะ พอลากกระเป๋ามาถึงพนักงานก็แบบจัดแจงทุกอย่างให้เสร็จสรรพ! มีหน้าที่แค่เดินไปแสดงตัวว่าอันนี้กระเป๋าตัวเองที่จะโหลดไปแค่นั้นล่ะ

Morocco_00001

สำหรับทริปนี้เราเดินทางด้วยสายการบิน Qatar Airways นะซึ่งแน่นอนว่าต้องไป Stop over กันที่ Doha เล็กน้อยจากนั้นบินต่อไปลงที่เมืองหลักเค้าคือ Casablanca และนั่งอยู่บนเครื่องเดิมนั่นแหละไม่ต้องลง แล้วก็บินอีกครั้งสู่เมือง Marrakech เมืองท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของโมร็อคโค กัน สิริเวลาตั้งแต่ออกจากไทยจนถึงปลายทางก็ไม่นานเลยครับ 21 ชั่วโมง !!!!!!!!!!!! คุณพระบินอะไรกันข้ามคืนข้ามวันขนาดนั้น

DAY 2 : Marrakech

หลังจากการบินอันหนักหน่วงเรามาถึงมาราเกรซกันตอนเย็นๆแล้วครับดังนั้นวันนี้ก็เลยไม่มีอะไรมากเข้าพักที่โรงแรม Mövenpick Hotel Mansour Eddahbi Marrakech ซึ่งโรงแรมที่ทาง AIS Serenade เลือกก็จะเป็นสไตล์โมร็อคโคหน่อยๆให้เราได้เข้าถึงกันมากขึ้น

ส่วนของโรงแรมก็สวยงาม มีอุปกรณ์ครบครัน ห้องดี สมชื่อโรงแรม Mövenpick นะครับ

และความ surprise แรกก็เกิดขึ้นเมื่อผมเข้าห้องนอนก็เจอกล่อง AIS Serenade วางไว้บนเตียงที่ทำให้การท่องเที่ยวสะดวกขึ้นคือพวก Universal adapter พร้อมแท่นชาร์จ USB อีกชุด  (ซึงแต่ละวันนี่มีของมา surprise กันทุกวันเลย ประทับใจมาก )

Day 3 :  Marrakech

ทานเข้าเช้าที่โรงแรมแล้ววันนี้เราจะเที่ยวตัวเมือง Marrakech กันที่ได้ชื่อว่าเป็นนครสีชมพู เมืองท่องเที่ยวที่ดังที่สุดของโมร็อคโค เป็นที่ๆรวมความเก๋ เท่ห์ ชิค และลวดลายศิลปะที่ดังไปทั่วโลก  มาราเกรซนี่ถือว่าเจริญมากๆเลยนะ มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยคล้ายๆยุโรปเลยแต่ก็มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนในความเป็นโมร็อคโค

และจุดแรก Landmark ที่ทุกคนต้องไปเยือนคือ มัสยิดคูโทเบีย ( Koutoubia Mosque ) มัสยิดเก่าแก่ที่มีหอคอยสูงเด่นที่นี่ได้รับการยอมรับว่าเป็น “อนุสรณ์มุสลิมที่สมบูรณ์ที่สุดในแอฟริกาเหนือ” และเป็นต้นแบบของมัสยิดทั้งโมร็อคโคอีกด้วยครับ

จากนั้นเราไปต่อที่ พระราชวังบาเฮีย Bahia Palace พระราชวังของมหาอำมาตย์ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนยุวกษัตริย์ในอดีต สร้างขึ้นตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 เค้าตั้งใจให้เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และหรูหราในสมัยนั้น ภายในก็จะตกแต่งด้วยปูนปั้นแกะสลักและการวาดลวดลายบนไม้ รวมทั้งประดับประดาด้วยโมเสกที่มีลวดลายสวยงาม  ซึ่งผมว่าที่นี่จะศิลปะคล้ายๆสเปนตอนใต้ที่ผมไปมาเลยครับ ( ก็สเปนใต้ก็ติดกับโมร็อคโคเลย )

และเนื่องจากอาหารโมร็อคโคก็จะทานยาก(มาก) จะเป็นแนวอาหารแขกน่ะครับซึ่งทาง AIS Serenade ก็ไปสรรหาร้านอาหารไทยมาให้เราจนได้ ก็เลยได้กินอาหารไทย โดยเชฟคนไทย ได้อิ่มอร่อยเติมพลังกัน

ส่วนช่วงบ่ายก็ได้เวลาสำรวจตลาดขนาดยักษ์ที่ Djemaa El Fna บอกเลยว่าเด็ดมาก! ถ้ามาเที่ยวโมร็อคโคแล้วไม่ได้เดินตลาดถือว่าผิด!!!!!!  ตลาดที่นี่เค้าจะเรียกว่า ซุก ( SOUK ) ให้นึกภาพตามว่าเหมือนเราเดินเล่นในจตุจักรแล้วกันก็จะมีของขายหลายสิ่ง หลักๆก็จะเป็นพวกเสื้อผ้า เครื่องใช้ เครื่องหนัง ในสไตล์โมร็อคโคครับ ช็อปปิ้งกันเพลินมากกกกกกกกกกกกกกก

เวลาซื้อของก็ต่อหนักๆเลยครับอย่างเช่น สมมุติตั้งธงในใจไว้ว่าเสื้อมันน่าจะสัก 350 บาท ( 100 Dirham ) พ่อค้าอาจจะบอกมาว่า 400 เราก็ต่อไป 100  มันก็จะยื้อๆหน่อย ก็ใช้เทคนิคเบสิคคือถ้าไม่ให้ก็เดินออก สุดท้ายเดียวได้เอง ( ถ้าเค้าขายให้ได้นะ )

สำหรับเราชอบที่นี่สุดเลยในมาราเกซ เลยมันมีสีสัน มันมีความวิถีชีวิต ถ้าเอาแบบเพลินๆก็แนะนำให้ไปนั่งจิบกาแฟดูตลาดที่คาเฟ่แถวๆนั้นครับ มันจะมีตึกประมาณ 3-4 ชั้นขึ้นไปนั่งกินกาแฟกินน้ำ ชมความวุ่นวายของตลาดจากมุมสูงได้ เราชอบมากเลย

ความพิเศษยังไม่จบ! ขากลับโรงแรม AIS Serenade ก็ยังคูลสมชื่อ Serenade Exclusive Trip ด้วยการนั่งรถม้าชมเมืองกลับโรงแรม เท่ไปอีกกกกกกกกกกกกก

DAY 4 : High Atlas Mountain – Dades

สวัสดีวันที่ 4 ของทริปวันนี้เราต้องออกเดินทางยาวข้ามเทือกเขา High Atlas Mountain ที่ต้องเรียกว่าเทือกเขาเพราะมันยาวมากกกกกกกกกกกกก ยาวข้ามประเทศกันเลย และด้วยเขาลูกนี้เองทำให้โมร็อคโคกลายเป็นดินแดนที่มีภูมิประเทศแตกต่างกันมาก อย่างที่เราอยู่ตอนแรกคือฝั่งซ้ายของเทือกเขาก็จะอุดมสมบูรณ์ มีน้ำ มีต้นไม้ กลับกันอีกฝั่งหนึ่งของเทือกเขาก็จะแห้งแล้งจนเป็นทะเลทรายซาฮาร่านั่นเองครับ!

หลังจากการเดินทางอันยาวนานที่ไม่เบื่อเลยเพราะทางที่เราลัดเลาะเพื่อข้ามเทือกเขาวิวสวยงามแปลกตา เราก็มาถึงที่ทานข้าว ซึ่งสวยมากกกกกกกกกกกกก ที่นี่เป็นโรงแรมที่สมควรมานอนพัก มาถ่ายรูปอย่างยิ่งยวด สวยมากจริงๆครับ ชื่อว่า Hotel Riad Ksar Ighnda  ส่วนอาหารที่ทานเป็นอาหารฝรั่งเศสครับ (ซึ่งรสชาติก็แบบว่า……. อืมมมม แค่พอใช้ได้อ่านะ อย่าคาดหวังเยอะ แต่ขนมหวานอร่อยครับ 555  )

ก่อนเดินทางต่อเราก็แวะแชะภาพกันเล็กน้อยที่ ป้อม Kasbah Ait Ben Haddou มรดกโลกอีกแห่งที่สวยงาม ซึ่งข้างๆก็จะแวดล้อมด้วยชุมชน Berber ที่มีบ้านเรือนแบบ Kasbah แท้ๆสสสีส้มถ่ายรูปสวยเลย

นั่งรถกันยาวๆอีก3ชั่วโมงก็มาถึงที่พักแสนสวยกันที่ หุบเขาดาเดส ( Dades Valley ) ครับที่พักเราชื่อ Xaluca Boulmane Dades วิวสวยเหมือนกันเลย อากาศดีมากเย็นๆ ถ่ายรูปมันส์มากที่นี่

ส่วนมื้อค่ำ AIS Serenade trip ก็สร้างความอึ้งให้ผมอีกครั้งด้วยเมนู “ข้าวสวยแบบไทย ไก่กระเทียม ผัดกระเพรา น้ำพริก” ผมถึงกับอุทานว่า OMG ! บ้าแล้ววววว ขนมาได้ยังไง!!  แอบถามพี่ไกด์ได้ความว่าที่โรงแรมนี้มีเชฟไทยพี่เค้าขนเครื่องปรุงที่หาไม่ได้ที่โมร็อคโคมาให้เชฟทำให้ โอ้โหหหหหหหหหหหหห

 

DAY 5 : Sahara Desert

วันนี้ก็เช่นเคยครับนั่งรถกันยาวๆปลายทางเราคือทะเลทรายซาฮาร่า ต้องบอกก่อนครับว่าภาพทะเลทรายที่ทุกคนคิดไว้คงเหมือนกับเรา คือ มันคงมีแต่ทราย ทราย ทราย และ ทราย ไม่มีอะไรเลยนอกจากต้นตะบองเพชร ซึ่งมันไม่ถูกต้องนะ จริงๆแล้วมันจะเป็นพื้นที่แล้งแบบเป็นกรวดๆทรายๆซะมากเลย  มีแค่บางส่วนอาจจะสักแค่ 10% ที่เป็นภูเขาทรายสูงๆ ( Sand dune ) ที่คนชอบถ่ายรูปมากันอะครับ

ภูเขาอะไรไม่รู้ระหว่างทาง ไกด์เราจอดรถให้แวะถ่ายรูปกันครับ มันสวยแปลกตามากเลย ด้านบนทำไมตัดเป็นพื้นราบแบบนั้น!

และแล้วก็มาถึงเมือง Erfoud แวะพักล้างหน้าล้างตาถ่ายรูปโรงแรมสวยๆ เปลี่ยนเป็นรถ 4WD แล้วไปต่อที่เมือง Merzouga เมืองสุดท้ายก่อนเข้าสู่ทะเลทรายซาฮาร่าที่เป็นทรายล้วนๆที่แท้ทรู

คนขับรถนี่คือเก่งมากกกกกก เค้ารู้วิถีขับรถบนทรายไม่ให้จม รู้จังหว่ะการขับอะครับถ้าเป็นผมขับล้อจมตั้งแต่ 3 นาทีแรกแล้วแน่ๆ มันส์มาก!

แล้วก็ถึงไฮไลต์ของทริปนี้สักทีครับคือการขี่อูฐไปดูพระอาทิตย์ตกบน Sand dune ที่สูงที่สุด! ต้องบอกเลยว่าเป็นประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงจริงๆครับ สวยมากกกกกกกกกกกกกกครับ หนึ่งในความฝันของชีวิตที่จะได้มาทะเลทรายซาฮาร่าของผมเป็นจริงแล้ว

ส่วนคืนนี้เราก็นอนกันในทะเลทรายเลยเป็น Luxury camp กันไปฮะ และที่พีคสุดอะไรสุดคืออาหารค่ำ! มีหมูเมตตา+ข้าวเหนียวนึ่ง + ส้มตำ มาด้วยยยยยยยยย บ้าแล้ว! ขนมาได้ไงฮะ AIS Serenade  ณ จังหว่ะนี้ผมแทบกราบ มีคนบอกว่าเวลาไปเที่ยวไหนให้กินอาหารท้องถิ่นเค้าแต่ผมยอมรับเลยว่าผมเป็นคนกินยาก โดยเฉพาะอาหารที่มีกลิ่นเครื่องเทศผมทานแทบไม่ได้เลยครับ ดังนั้นค่ำนั้นผมก็ซัดข้าวเหนียวหมูอย่างเมามัน อร่อยยยยยยยยยยยย

DAY 6 : Sahara Desert – Marrakech

เช้านี้ก็ยังพีคต่อเนื่องด้วย ข้ามต้ม + ยำไข่เค็ม + ไชโป้ผัดไข่ หรืออะไรทำนองเนี้ยคือเลิศมาก อึ้งมาก!! ผมกินแต่อาหารไทย #กราบความสามารถในการขนมาบริการของทีมงาน Serenade Exclusive Trip  จากนั้นก็รีบเช็คเอ้าท์กันครับวันนี้เราจะออกเดินทางยาวมากกกกกกกกกกกก เพราะปลายทางเราย้อนทางเดิมข้ามเทือกเขา High Atlas Mountain กลับไปนอนที่มาราเกซกันครับ

ซึ่งระหว่างทางก็หลับบ้าง ตื่นบ้าง ตื่นเต้นบาง เพราะถึงแม้จะเป็นเส้นทางเดิมที่มาแล้ว แต่พอเรามองวิวที่กลับด้านกันทำให้เราเห็นความสวยงาม เห็นมุมใหม่ๆ ช่วงบ่ายตอนข้ามเขาผมแทบไม่ได้หลับเลยครับวิวสวยตลอดทางเลยจริงๆ ชิวว่าสวยกว่าขามาซะอีก!

DAY 7 : Marrakech – Doha –  Bangkok

วันสุดท้ายซะแล้วเหรอเนี้ย เวลาผ่านไปไวมาก!  วันนี้เราก็จะเก็บตกเมืองมาราเกซอันอีกเล็กน้อย ไฮไลท์ที่เรายังไม่ได้ไปคือสวน Majorelle Garden หรือ สวนของ Yves Saint Laurent ดีไซน์เนอร์แบรนด์ดังก้องโลกนี่เองครับ ที่นี่เป็นสวนที่รวบรวมพันธ์ไม้นานาชนิดจากทั่วโลกโดยเฉพาะต้นกระบองเพชรหลากหลายสายพันธ์ เป็นพันต้น มีป่าไผ่ มีสวนบัวและกระถางดินสีฉูดฉาด มีมุมถ่ายรูปสวยๆตามแบบฉบับโมร็อคโค   แล้วต่อด้วยช็อปปิ้งแบบเมามันก่อนกลับไทย

เค้าว่าช่วงเวลาสุขมักผ่านไปไวเสมอ ทริปโมร็อคโคที่ชิวได้ไปเดินทางพร้อมคณะ Serenade Exclusive Trip ต้องบอกเลยว่าประทับใจมาก ก.ไก่ล้านตัว ประทับใจในผู้ร่วมทริปที่ดี อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ ที่บรรยายได้ความรู้และสนุกในคราวเดียวกัน แต่ที่พีคสุดอะไรสุดคือ Service ที่ทาง AIS Serenade เค้าได้คิดอะไรมาเสริมมา surprise เราตลอดเวลา รวมทั้งการบริการจากทีมงานที่เลิศเลอที่สุดในสามโลก ขนาดหมูทอด ข้าวเหนียวนึ่ง และส้มตำ ยังขนมาให้เราทานได้ !!  เชื่อเราเหอะว่าคุ้มจริงคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายไป

 

เราเห็นด้วยกับที่คนในทริปบอกตอบจบไว้ว่า

“จะมาเองก็มาได้แต่คงไม่ดีแบบมากับ AIS Serenade”

ชิวได้เสียงกระซิบมาจากทีมงานว่า Serenade Exclusive Trip รอบหน้าไปประเทศจอร์เจียครับ ติดตามสิทธิ์พิเศษแบบนี้ได้ที่เว็บไซต์ http://www.ais.co.th/serenade/ โลด!

 

 

Exit mobile version