เช้าตอนแรก plan ไว้ว่าจะเที่ยวอะไรในมะละกาอีกนิดหน่อยค่อนกลับ แต่เมื่อคืนกลับดึกมากแล้วตื่นมาก็ checkin กินข้าวเช้าโรงแรม แล้วให้ reception เรียกแท้กซี่ไปส่ง Malaka sentral เลย
เสียค่ารถตามมิเตอร์ไป 15 RM จริงๆไม่ไกลนะ บ้านเค้า Taxi มิเตอร์ขึ้นไวจังมาถึง malaka sentral ประมาณ 10 โมง หารถไปปุตราจายา หรือ ไม่ก็ KLIA ก็ได้ก็เลยถามๆเค้าว่าจะซื้อ counter ไหน สรุปก็เลยไปถาม มีไป ปุตราจายา รถออกเที่ยง กับ KLIA ออก 10:30 ถามดูไม่ใช่ direct bus ทั้งสองอันเลย ใช้เวลา 3 ชม. ก็เลยบอกเค้าขอคิดแป๊ปหนึ่ง ลองคิดดูถ้านั่งไป KL sentral แล้วต่อ KLIA transit กลับมา ปุตราจาย่า อีกก็ 2.30 แล้ว ห่างกันครึ่งชม. นั่งไป KLIA เลยดีกว่า สรุปก็เลยซื้อรอบ 10:30 คนขายบอก now now nowเราก็วิ่งไปขึ้นรถกัน ขึ้นปุ๊ปออกปั๊บ นี่ถ้าช้าไปนาทีเดียวตกรถไปแล้ว บ้านเค้าออกรถตรงเวลามากจริงๆ

#รถที่พาเราไป KLIA
#บรรยากาศถนนตอนแวะให้เข้าห้องน้ำ#มีแก๊งวินมอไซด์ด้วย
#บรรยากาศในรถ ขอเบลอภาพนิดหนึ่ง แต่รถดีและสะอาดมาก#ถนนหนทาง
รถวิ่งอ้อมนิดหนึ่งแต่ ตอนไปรถไม่ติดเลย 2 ชม. เองก็ถึง KLIA ( มีแวะให้เข้าห้องน้ำรอบหนึ่งด้วย )
เราก็นั่ง KL transit ไปเมืองปุตราจายากัน
#ในรถไฟ KLIA transit แต่คันที่เรานั่งเป็น express เอามาวิ่ง transit
#เรานั่งคันนี้มา
มาถึง Putajaya sentral แล้วครับ พอไปถึง sentral เค้าก็ไปถามตรง information ว่าจะไป มัสยิดสีชมพูไปยังไง เค้าก็เขียนมาให้ 3 สาย พร้อมบอกด้วยแต่ละสายจะมาจอดที่ terminal ไหน ใจดีมากๆ
*อ่านจากพันทิปมาว่า ให้นั่งสาย 300 หรือ 500 จะวิ่งตรงไหนสู่มัสยิดไวกว่า


เราก็ไปรอรถ รถสาย 101 มาคันแรกเลย ค่ารถถูกมาก 0.5 RM ต่อคนได้
นั่งรถอ้อมไปอ้อมมาชมวิวเมืองราชการเค้า สักพักก็ถึงป้ายที่จะลง
*มันไม่ได้มองเห็นชัดแบบจอดหน้ามัสยิดนะครับ บอกคนขับให้ช่วยบอกก็ได้ว่าจะไปมัสยิด ถึงแล้วบอกหน่อย
#บรรยากาศในรถ
#เมืองใหม่ก็งี้บ้านเมืองเป็นระเบียบมาก
#คอนโดก็มี
เห็นเป้าหมายเราแล้ว เล็งไว้ดีๆครับเดียวเลย

อันนี้เป็นพวกรัฐสภา ประมาณนั้น เล็งอันนี้ไว้ครับ เพราะจะไปมัสยิด ต้องเดินผ่านอันนี้ไป

พอลงป้ายรถเมล์เสร็จก็เดินต่อครับ เป้าหมายอยู่ไม่ไกล เดินสบายๆ
ถ้ามากับทัวร์จะมาจอดตรงนี้เลย
ซูมใกล้ๆตอนเดินลงไปกินข้าว เดียวเราเจอกัน

จากนั้นก็เดินไปอีก 500 เมตรก็จะเจอมัสยิดสีชมพูดของเราแล้วครับสูงเด่นเชียว ข้าวกลางวันเรายังไม่ได้กินกันเลย นี่ก็บ่ายสองแล้วมั้ง เลยไปกิน food court อยู่ด้านชั้นล่าง
เราเลือกร้าน secret recipe กัน อ่านมาจากเว็บ malaysiafanclub ว่าอร่อย
ผมก็สั่ง curry mee มาอยากกินของประเทศเค้ามั่ง เพื่อนสั่งข้าวผัด+สเต๊ะ มา ของผมอร่อยดี รสชาติเหมือนข้าวซอยบ้านเราเลยใกล้เคียงกัน แต่คิดว่านะร้านนี้มันเป็นร้านแนวๆประยุกต์ก็คงไม่เหมือนรสชาติเดิมๆเค้า 100% แหละ แต่โอเคนะถูกปากไม่จัดจ้านเกินไป ผมถูกใจครับถ้าไปรอบหน้าจะไปกินอีก
ออเดิฟ ฟรีครับcurry mee อร่อยมากถูกใจ

ข้าว เสต๊ะ รสชาติพอใช้ได้ ใครอยากชิมอาหารประจำชาติก็ลองดู

จากนั้นก็ไปถ่ายรูปกัน เข้าข้างในไปดูนิดๆหน่อยๆ ก็ออกมา ตอนแรกจะเดินไปสะพาน แต่… ฝนตกพรำๆ+เมื่อยมาก เพราะแบกกระเป๋ามาด้วย จึงเดินกลับไปรอรถ ไปรอเที่ยว KLCC กันดีกว่า

#มัสยิดจะติดกะ lake

สะพานนี้เราไม่ได้ไปเดิน มองไกลๆแล้วกัน ( เดินไกลอยู่ )

อลังการอยู่ครับ ลองเทียบกะตัวคนดู

ขากลับเราก็มารอรถที่เดิม ป้ายเค้าไฮเทคมาก จะมีบอกว่ารถอะไรมาในอีกกี่นาทีไม่ต้องนั่งจ้องครับ รอบนี้เรานั่งสาย 300 ไม่ก็ 500 ขออภัยด้วยจำไม่ได้ เอาให้ชัวร์พอขึ้นรถแล้วถามคนขับว่าไป sentral หรือเปล่าก่อนแล้วกันครับ แต่คอนเฟริมว่าที่อ่านมาถูกต้องคือจะไม่อ้อม ตรงไป sentral ไวกว่าเยอะครับ
นั่ง KLIA transit มาลง KL sentral จากนั้นก็ต่อรถไฟ ไปที่พักเอาของเก็บให้เรียบร้อย
*คืนนี้เราพักหรูนิดหนึ่ง พักที่ Concorde Hotel Kuala Lumpur ครับเพราะเราจะ count down ที่ KLCC เกินเที่ยงคืนรถไฟฟ้าปิดครับ
#เห็น KLCC ลิบๆ#ตึกในเมือง KL สวยดี

เดินมาเรื่อยๆไม่ไกลก็ถึงโรงแรมเราแล้วครับ

ยังมีต้นคริสมาสอยู่
lobby

คืนนี้มีปาตี้ด้วย นักท่องเที่ยวมาแด๊นกันกระจายเลย

ห้องพักเรามองเห็น KLCC ด้วยนะ ตอนเช็คอินลองถามพนักงานดูนะ ว่าด้านที่มองเห็น KLCC เหลือไหม

จากนั้น เดินไปเที่ยว KLCC กันดีกว่า ก็ไปเดินเที่ยวห้าง KLCC กันเสร็จแล้วก็ไปห้างอีกห้างหนึ่งแถวๆนั้น กลับมานั่งเฝ้า count down ฝั่งด้านหลัง KLCC ที่คนไม่เยอะมากเท่าด้านหน้า นั่งชมวิวฝึกแฝด นั่งเฝ้าตั้งแต่สี่ทุ่มได้ คนเยอะคึกคักดีครับ เจอชาวต่างชาติ backpacker หลายคนมานั่งรอด้วยกัน#เดินเข้ามาจะเป็นห้างครับ
KL nightlife
ระหว่างว่าง เราเดินกลับไปพาวิเลี่ยน ช็อปปิ้งต่อ
แวะกิน starbuck นิดหนึ่ง มาเมืองนอกชีวิตต้องป๊อปหน่อย เดียวกลับไปกินเนสกาแฟ

ถึงพาวิเลี่ยนแล้วครับ
*มันจะมีทางเดินเชื่อมระหว่าง KLCC จนถึงแถวๆ พาวิเลี่ยนเลย
พอเที่ยงคืนเค้าก็จุดพลุกันกระหน่ำ ไอ้ที่ตั้งขาตั้งกล้องรอไว้ไม่ได้ผลเลย เพราะคนมายืนบังไปหมด เลยยกกล้องขึ้นมากดถ่ายรัวๆครับ ฝีมือไม่ถึงเลยไม่ค่อยได้ภาพแจ่มๆมา
ด้านข้างก็จุดพลุ ถ่ายกันไม่ถูกเลย รัวมาก

เสร็จแล้วก็เดินกลับโรงแรม พอกลับมาถึงก็หิว ตอนแรกว่าจะออกไปกินแถว bukit bintang แต่ว่าสภาพร่างกายไม่ไหวแล้วเลยกินร้านข้างทางแถวๆนั้นแหละ เป็นร้านแนวๆอินเดีย ผมกินมาม่าผัดไก่ทอด รสชาติแปลกๆแต่ก็พอกินได้ อิ่มแล้วก็กลับมานอน หมดวันที่สุดเหนื่อยไปอีกวัน ใช้เวลาในการเที่ยวคุ้มค่าจริงๆเหลือวันสุดท้ายพรุ้งนี้อีกวัน

วันสุดท้ายเที่ยว KL ตื่นกัน9โมงกว่า กินข้าวอะไรกว่าจะออกจากโรงแรม 11 โมง !!

ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมแหละบอกเค้าว่าเย็นๆจะกลับมาเอา แล้วก็ไปมัสยิดจาเม็ก ( Masjid Jamek ) ไปถึงก็ปิด รู้อยู่แล้วว่าปิดปรับปรุง แต่ดูจากภาพก็ไม่ค่อยมีอะไร สไตล์มัสยิดคือโล่งๆๆ เลยมีอะไรเยอะแยะเหมือนวัดในศาสนาพุทธ

ทางเดินไปรถไฟฟ้า ต้มไม้เยอะดีแฮะเมืองนี้


ที่พักเราอยู่ใกล้สถานี นี้ครับ



มาถึงสถานี masjid jamek แล้วครับ

เดินอ้อมตึกมาอีกนิดหนึ่งจะเจอ Sultan Abdul Samad ครับอันนี้ก็สวยดีนะ






victoria fountain มีแค่เนี้ย?


ถัดไปอีกนิดจะเป็น KL art gallery อันนี้เวิคอากาศดี (แอร์เย็น) แนะนำให้มา ข้างในก็บรรยากาศสวยด้วยครับ






ด้านบนชั้น 2 จะมี model เมืองและบรรยายครับ เจ๋งมากๆ


ร้านขายของที่ระลึก เท่ๆครับ


จากนั้นก็ไปต่อที่ Central market กัน เดินหลงไปหลงมา สุดท้ายถึงแล้วจะเจอ ว่าวอันใหญ่ๆแปลว่าถึงแล้วหล่ะ
ที่นี่มีของฝาก กับ ของเท่ๆให้เลือกซื้อเยอะแยะ แถมราคายังถูกมากๆอีก ใครจะหาของฝากให้มาที่นี่ครับ

ตึกอะไรไม่รู้เท่ดีจังหวะ งง กับทาง


เห็นเป้าหมายแล้ว ตึกฟ้าๆทางซ้ายครับ





บรรยากาศด้านใน central market





จากนั้นเราก็ตั้งใจจะเดินไป Petaling street หรือ china town กัน เดินไปนิดหน่อยก็เจอวัดจีน แวะเข้าไปไหว้พระกันซักหน่อยอันนี้นอกแพลน ( เสน่ห์ของ backpack เกิดอีกแล้ว ^^ )
จาก central market เดินมาเจอป้าย แร็กเก้ เด่นๆ เลี้ยวขวาเลยครับ


เจอวัดอะไรไม่รู้ชื่อครับ

ธูปสวยมากๆ


วัดนี้แปลกที่ธูปครับ ดูสิเท่จริงๆเป็นม้วนๆขึ้นไป
พอเราขยับไปอีกนิดเดียวจะได้ยินเสียงสวดดังมาก วัดแขก Sri Mahamariamman Temple‎
นี่เองครับ บรรยากาศดูน่ากลัวนิดๆแต่ไหนๆมาแล้วต้องเข้าไปดูครับ ก็บรรยากาศแขกๆเลย ดูดั่งเดิมมากๆ




จากนั้นเดินไปอีกนิดหนึ่งก็จะเจอ Petaling street ของก็อปรึ่มเลย เชื่อว่าเจ้าของแบรนหลุย อะไรพวกนี้มาตลาดนี้คงต้องร้องไห้ กันเลยทีเดียวเยอะจริงๆ มีของกินบ้างแต่ไม่เยอะแบบบ้านเราครับ ตอนแรกผมคิดว่า china town จะต้องมีของกินอร่อยๆให้กินเยอะๆแบบเยาวราชบ้านเรา



เดินจนสุดถนนครับ เพื่อไปเป้าหมายสุดท้ายก็คือ Masjid Negara หรือ มัสยิดแห่งชาตินี่เอง เดินออกมาจนสุดถนน china town เลี้ยวขวาไปก็จะเจอสถานีรถไฟ ดูจากแผนที่ ที่ปริ้นมาก็น่าจะใกล้ๆแถวนี้แหละ เดินๆไปเจอร้านอาหารจีนน่ากินดี


เลยแวะกินข้าวกันก่อน ร้านนี้อร่อยมากครับไม่แพงด้วย ใครมาแถวนี้แนะนำให้มากิน โดยเฉพาะก๋วยเตี๋ยวเนื้อ อร่อยมากๆ กินจนถึงบ่ายสาม 15 แล้ว ต้องรีบเดินทางไปมัสยิดแห่งชาติแล้วครับ
[ ร้านอยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟเลยครับ ]

ปล. มัสยิดเปิดให้เข้าเป็นเวลา 09:00 – 12:00 AM / 03:00 – 04:00 PM / 05:30 – 06:30 PM
เราจะไปให้ทันรอบ บ่ายสาม – บ่ายสี่ ครับ ก็เดินๆไปสถานีถามๆเค้าไป ระหว่างทางก็เจอสถานีรถไฟเก่าที่เคยดูในพันทิปมา เดินๆงงๆสักพักก็ถึงครับ มัสยิดก็… ไม่มีอะไรจริงๆ แต่ขึ้นชื่อว่าได้มาแล้วหล่ะ


เดินงงๆไปเจอ KTM ระหว่างทาง


ถึงแล้ววววว






#ทางเดินกลับไปขึ้นรถไฟฟ้า ฟ้าสวยมากเลยถ่ายมา



เที่ยวครบแล้วเหลือเวลาประมาณ 1.30 ชม. นั่งรถไฟไปช็อปปิ้งกันต่อครับ กลับไป พาวิเลี่ยน ดูพวก H&M อะไรพวกนี้เดินๆสักพัก เวลาเร่งต้องกลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรม ประมาณห้าโมงครึ่ง ก็แยกย้ายกับเพื่อนตรงนี้
เครื่องผมออก 21.55 ครับ กะว่าต้องไปถึง airport ประมาณ 2 ทุ่มเพราะฉะนั้นยังเหลือเวลา เกือบ 2 ชม. เลยเดินไปเที่ยว KLCC ครับเดินวนๆถ่ายรูปด้านหน้าตึก ที่เราไม่ได้ไปเมื่อคืนให้ครบ จากนั้นก็มานั่งกินกาแฟ รอเวลา เพราะว่าเดินไม่ไหวแล้วปวดหลังมากครับ นี่ขนาดเอาชุดมานิดเดียวนะเนี้ย ยังสงสัยอยุ่พวกฝรั่งที่กระเป๋าใบใหญ่มากๆ เค้าเดินกันไหวได้ยังไง






ประมาณ 19:40 ผมก็เดินไปขึ้นรถไฟฟ้า ซึ่งจากตัวห้าง KLCC มีทางเชื่อมไปได้เลยครับ แล้วก็งงๆเช่นเคย ถามครับ คนที่นี่พูดภาษาอังกฤษได้ 90%+ ไปถึงแล้วก็นั่งรถไฟไป KL sentral ครับ
พอถึง KL sentral แล้วก็ไปซื้อตั๋ว kl express ไป airport ครับ ด้วยความที่ซื้อตั๋วกลับของ Malaysia airline เราจะสามารถ check in ได้ที่นี่เลยครับ เอากระเป๋าสุดหนักฝากไปกะเค้า เหลือแต่กระเป๋ากล้องเดินตัวปลิวไปเลยครับ



ผมมาเช็คอินค่อนข้างช้า แล้วก็ไม่ได้ทำ internet checkin ไว้ก่อน พนักงานบอกว่า ที่ริมหน้าต่าง + ริมทางเดินเต็มหมดแล้ว ต้องนั่งระหว่างคนสองคน ก็ไม่เป็นไรครับ สบายๆ ทำไงได้ มองโลกบวกไว้ครับ ^^
พอมาถึงขึ้นเครื่องก็เจอคนไทยนั่งซ้าย ฝรั่งนั่งขวา แอร์มาถามก็ช่วยน้าทางซ้ายว่าเค้าจะกินอะไรไป
ส่วนฝรั่งทางขวาเป็น backpacker ผู้หญิงเที่ยวมาแล้วทั่ว Asian ก็เลยได้คุยกันนิดหน่อยครับ ผมถามว่าเค้าชอบที่ไหนสุด เค้าบอกว่า Thailand แอบภูมิใจในประเทศไทยครับ ผมก็ว่างั้นประเทศเราน่าอยู่จริงๆครับ
บอกเค้าไปว่าแล้วนอกจากไทยหล่ะ เผื่อผมจะไปเที่ยวบ้าง เค้าบอกว่า เวียดนาม ครับ
และแล้วก็ถึงไทยอย่างสมบูรณ์ เป็น trip แบบ backpacker ครั้งแรกของผมครับ สนุกมากจริงๆ ผมเชื่อว่าจะต้องมีแบบนี้อีกเรื่องๆ กำแพงความกลัวในการเที่ยวต่างประเทศ backpacker ของผมหายไปหมดแล้วครับ มันสนุกกว่าไปทัวร์จริงๆนะ
แต่ทั้งนี้ผมคิดว่า ถ้าไปประเทศที่การคมนาคมไม่ดี ไปกับทัวร์ก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ ^^

Blog แนะนำเคล็ดลับการจองที่พัก อ่านเถอะจะได้ไม่พลาดอีก!


ติดตามการเดินทางของชิวตามไปที่ ::

Instragram:@ChillJourneyTH
Facebook :Chill Journey :: เที่ยวอย่างชิว
Youtube :ChillJourney