Chill Journey | Thai Travel & Lifestyle blog

ไปดู “ฟูจิซัง” ในระยะประชิดที่ทะเลสาบคาวากูจิโกะ กันเถอะ | Kawaguchiko guide update 2020!

ผมจะพาไปเที่ยวเมืองยอดฮิตที่ใครต่างใฝ่ฝันเมือง kawaguchi เป็นที่ตั้งของ ทะเลสาบคาวากูจิ (Kawaguchi-ko) ที่ว่าเป็นเส้นที่ใกล้กับภูเขาไฟฟูจิมากที่สุดจนเรียกได้ว่าเป็นประตูสู่ฟูจิ ที่นี่มีจุดชมความงามของภูเขาไฟฟูจิแบบใกล้ๆได้ในหลากหลายวิว อีกทั้งยังเดินทางง่ายมากๆจากโตเกียวอีกด้วย วันนี้เป็นวันที่ 4 ตอนบ่ายของการเดินทาง เรายังใช้ Tokyo wide pass ผู้เป็นพระเอกในทริปนี้เที่ยวต่อโดยจากบล็อกก่อนหน้าเรานั่งรถกลับมาโตเกียวหลังจากไป นีงาตะ และ กุนมะ

 

การเดินทางไป Kawaguchiko

จากโตเกียว(สถานี ชินจูกุ) มุ่งหน้าสู่เมือง Kawaguchiko ให้นั่งมาลงที่สถานี Otsuki และเริ่มขึ้นขบวนใดก็ได้ของ Fujikyu Railway มุ่งหน้าสู่ Kawaguchiko

P1090265

ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับรถไฟ Fujikyu Railway กันก่อนครับ รถไฟเส้นนี้จะวิ่งระหว่างเส้นทางจากสถานี Otsuki – Kawaguchiko (หยุดจอดที่สถานี Fujisan, Fuji Q Highland) สองข้างทางจะมีวิวที่สวยงามและเห็นฟูจิซังโผล่มาทักทายตามจุดต่างๆ โดยมีเส้นทางเดินรถตามนี้ครับ

มีรถขบวนพิเศษด้วย

จริงๆแล้วนั่งแบบไหนก็ไปได้หมดครับ แต่ด้วยความเป็นญี่ปุ่นเค้าก็จัดขบวนพิเศษมาด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้รถสายพิเศษจะมีแต่สีฟ้า(เหมือนรูปด้านล่าง)ชื่อ รถไฟสายฟูจิคิวโค (Fujikyu Railway)  หรือ เรียกกันว่า เจ้าโทมัส (Tomas Land Train )  แต่ตั้งแต่ 23 เมษายน 2016 ทางญี่ปุ่นได้เปิดอีกสายชื่อ Fujisan View Express รถไฟสายสีแดง ซึ่งสามารถใช้ Tokyo wide pass ขึ้นได้เช่นกันครับ โดยมีพิเศษเพิ่มเติมอีกนิดดังนี้

– ถ้าอยากนั่งที่นั่ง reserved seat จ่ายเพิ่ม 900 เยน

– ถ้าอยากกิน sweet plan จ่ายราคาเต็ม 4,000 เยน รวมชุดของหวานจากเชฟชื่อดัง ( ไม่ได้ส่วนลดจากพาส )

สำหรับวันนี้เราจะขึ้นรถคันใหม่ Fujisan View Express ขบวนสีแดงแบบ sweet plan ค่าเสียหาย 4,000 เยนและจะได้ชมวิวสวยๆและกินขนมอร่อยๆตลอดเส้นทาง ลองดูแล้วตัดสินใจเอาแล้วกันนะครับว่าคุ้มค่าหรือเปล่า?

ขบวนสำหรับที่นั่ง Sweet plan จะได้นั่งขบวนแรกสุดเลยครับซึ่งก็มีข้อดีที่จะสามารถดูวิวแบบเดียวกับที่คนขับเห็น วิวเปิดด้านหน้าและด้านข้างจะเป็นกระจกใส มองเห็นฟูจิซังได้อย่างสวยงามมากครับ

กินขนมอร่อยๆจิบชานั่งดูฟูจิซังมันดีต่อใจจริงๆ ขนมจะเสริฟมาเป็นเซ็ตคล้ายข้าวกล่องเบนโต๊ะอะครับ แต่ละอย่างอร่อยมากๆสมราคา และมีชาหรือกาแฟ ให้บริการฟรี แบบเติมได้ไม่อั้นด้วย

ถ้าใครสนใจน้ำนอกเหนือจาก ชา และ กาแฟ ก็สั่งเพิ่มได้ครับผมเอา น้ำพีชมาลอง จะเป็นพีชปั่นมีเนื้อนิดๆ รสชาติหอมๆพีชดี (แต่ผมว่ายังไม่ฟินนักถ้าถ้าเทียบกับราคา)
นั่งกินขนมชมวิวไปดีกว่า นั่นไงๆฟูจิซัง
นั่งมาเรื่อยๆทานขนมเสร็จชมวิวอีกแป๊ปเดียวก็ถึงสถานที่ที่เราจะลงครับ Fuji-Q Highland เราจะแวะเดินเที่ยวที่สวนสนุกแห่งนี้และเข้าพักที่โรงแรมตรงนี้เลย

ก่อนอื่นก็มารู้จักกับสวนสนุกกันก่อน  ฟูจิคิว ไฮแลนด์ (Fuji-Q Highland) เป็นสวนสนุกที่อยู่ใกล้ภูเขาฟูจิที่สุด อยู่ในเมืองฟูจิโยชิดะ จังหวัดยามานาชิ ภายในสวนสนุกนั้นจะมีจุดที่สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจน (จริงๆก็เห็นเกือบทุกมุมนั่นแหละ)  ค่าบัตรมีทั้งแบบเด็กและผู้ใหญ่ หรือว่าจะซื้อบัตรเข้าเฉยๆ แล้วถ้าจะขึ้นเครื่องเล่นก็ไปซื้อแยกตะหากอีกทีก็ได้

        สวนสนุกฟูจิคิว ไฮแลนด์มีเครื่องเล่นที่ได้รับการบันทึกลงใน “กินเนสส์บุ๊ค” อยู่หลายเครื่องเล่น เช่น “เอจาไนกะ” รถไฟเหาะตีลังกาที่มีจำนวนการหมุนมากที่สุดในโลก, “ฟูจิยามะ” , “โดะดนปะ” และ “เขาวงกตสุดสยอง 4.0” ที่นี่ยังมีสวนสนุกของตัวการ์ตูนที่มีชื่อเสียงอย่าง “โทมัสแลนด์” นอกจากนี้ยังมีบ้านผีสิงที่ใหญ่ที่สุดในโลก หรือแม้แต่ลานไอซ์สเก็ตก็มีเปิดให้บริการในช่วงฤดูหนาว


สวนสนุก ณ วันที่ผมไป (ประมาณวันที่ 9 มค. 2017 ) มีหิมะปกคลุมหลายส่วน แต่อากาศแจ่มใสมองเห็นฟูจิซังได้ชัดเจน เป็นสวยสนุกที่วิวสวยที่สุดในใจผมเลยครับ หันซ้ายก็เห็นฟูจิซัง หันขวาก็เป็นฟูจิซัง คนชอบฟูจิซังแบบผมนี่ฟินเหลือเกินนนน

เสียดายที่มีเวลาอยู่ที่นี่ค่อนข้างน้อยครับ ถ้าไปต่อคิวเล่นรถไฟเหาะก็น่าจะหมดเวลาแล้วเลยเลือกไป นั่งสายการบินฟูจิ ซึ่งเค้าจำลองขึ้นมาอะครับว่าคล้ายๆเรานั่งเครื่องบินชมฟูจิแบบใกล้ๆ ผมชอบนะอันนี้เป็นการนั่งเก้าอี้ที่ขยับได้ มองไปที่หน้าจอมอนิเตอร์ทรงโค้งขนาดใหญ่ คล้ายๆเราได้ชมฟูจิซังใกล้ๆจริงๆเลย แนะนำ

ค่ำแล้วเราไปต่อที่โซนของโรงแรม Highland Resort Hotel & Spa บริเวณใกล้ๆกันนั้นช่วงหน้าหนาวจะมีการประดับแสงสีช่วงกลางคืนสวยงาม บรรยากาศประมาณ christmas market ที่ยุโรปอะไรทำนองนั้นครับ บรรยากาศดีมากๆ

จองที่พัก Highland Resort Hotel & Spa ในราคาดีที่สุดผ่าน booking.com  >>> Click <<<

จองที่พัก Highland Resort Hotel & Spa ในราคาดีที่สุดผ่าน agoda.com     >>> Click <<<

จองที่พัก Highland Resort Hotel & Spa ในราคาดีที่สุดผ่าน expedia.com >>> Click <<<

ป่ะเข้าโรงแรมกันเถอะครับ  แต่ต้องบอกก่อนว่าไม่ใช่ทุกห้องที่จะเห็นฟูจิซังได้จากหน้าต่างนะครับ ราคาห้องจะมีแตกต่างกันถ้าอยากเห็นฟูจิจากหน้าต่างห้องก็ต้องจ่ายเพิ่มสักหน่อยนะ  และเมื่อเช็คอินแล้วจะได้รับคูปองอาหารเช้า รวมทั้ง คูปองไปแช่ออนเซ็นจำนวน 2 ใบ ( สำหรับใช้ตอนกลางคืนทีหนึ่ง และตอนเช้าทีหนึ่ง )

ห้องพักไม่ใหญ่ ไม่หรูนักครับ แต่ก็สะดวกสบาย มีอุปกรณ์ครบถ้วน

ทานข้าวแล้วไปแช่ออนเซ็นกันครับ โดยออนเซ็นที่นี่จะมีขนาดใหญ่มากและเปิดให้คนทั่วไปมาใช้บริการแบบเสียเงินเองได้ ส่วนลูกค้าโรงแรมไม่ต้องเสียเพิ่มครับเอาคูปองไปใช้ได้เลย โดยน้ำในบ่อก็จะมีหลายๆแบบ เช่น แบบมีกลิ่นลาเวนเดอร์ แบบมีการอัดก๊าซเข้าไปเพื่อให้เป็นฟองนุ่มๆ แบบธรรมดา

แต่ผมว่าทีเด็ดของที่นี่คือการเปิดหน้าต่างแล้วเห็นฟูจิซังตังหากครับ นี่ผมถ่ายจากหน้าต่างห้องนอนเลย ดีต่อใจเหลือเกิน

วิวตอนเช้าหน้าโรงแรมครับ ตื่นมาถ่ายแต่เช้า ผมแนะนำเลยให้มานั่งดูฟูจิซังเปลี่ยนแปลง พอแดดออกด้านบนยอดจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีส้มๆ ไล่สีไปตามเวลา

และในส่วนของ ของ ของ ห้องอาหารเช้า!! วิวแบบเน้ครับบบบ อลังการล้านแปดดด เป็นวิวอาหารเช้าที่ดีที่สุดที่เคยเจอมาเลย

จองที่พัก Highland Resort Hotel & Spa ในราคาดีที่สุดผ่าน booking.com  >>> Click <<<

จองที่พัก Highland Resort Hotel & Spa ในราคาดีที่สุดผ่าน agoda.com     >>> Click <<<

จองที่พัก Highland Resort Hotel & Spa ในราคาดีที่สุดผ่าน expedia.com >>> Click <<<

 

ทานอาหารเช้าเสร็จแล้วเช็กเอ้าไป Fujisan world heritage center ที่จะช่วยบอกเล่าประวัติศาสตร์การค้นพบ ความเชื่อของชาวญี่ปุ่นต่อฟูจิซัง และอื่นๆ ถ้าใครสนใจก็มารับชมได้ครับ แต่อาจจะมายากสักหน่อยนะเพราะไม่มีรถไฟผ่านครับ ต้องนั่งรถบัสมา

เสร็จภารกิจเพิ่มความเข้าใจความอินในฟูจิซังแล้ว เราไปนั่งเรือชมในทะเลสาบ Kawaguchiko เพื่อรับลมเย็น ชมวิวเทพๆกันต่อ Lake Kawaguchi pleasure boat “Ensoleille” เรือจะพาล่องไปในทะเลสาบ Kawaguchiko ให้เราได้ชมฟูจิซัง วิวบ้านเรือนริมทะเลสาบ ใช้เวลาประมาณ 20 นาที

การเดินทาง :: ถ้านั่ง retro bus จากหน้าสถานี kawaguchiko ลงที่ป้าย Ropeway Yuransen mae ครับ

ค่าใช้จ่าย :: ผู้ใหญ่ 900 เยน / เด็ก 450 เยน

นั่งชมวิวไปประมาณ 20 นาทีเรือก็จะกลับมาส่งที่ท่าเดิมครับ ซึ่งก็อยู่ตรงข้ามกับ Ropeway นั่นแหละเดินข้ามถนนไปนิดเดียวก็ถึงแล้ว เราไปขึ้นกระเช้าดูวิวมุมสูงกันต่อ

กระเช้าคาจิคาจิภูเขาเทนโจ ( Kachi Kachi Ropeway) มีระยะทางประมาณ 400 เมตร เชื่อมต่อชายฝั่งตะวันออกของทะเลสาบคาวากูจิโกะกับดาดฟ้าชมวิวใกล้ยอดภูเขาเทนโจ(Mount Tenjo) สูงประมาณ 1,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ที่นี่จะสามารถชมความงามของทะเลสาบด้านล่างรวมกับภูเขาไฟฟูจิได้อย่างสวยงามเลยล่ะ

ค่าเข้าชม: ไปกลับ 720 เยน เที่ยวเดียว 410 เยน

ไปแล้วครับบบ ถ่ายภาพลงมาดูน่ากลัว แต่จริงๆถ้าคุณไม่กลัวความสูงมากๆรับรองว่าไม่มีเสียวเลยครับ อีกทั้งยังต้องตกตะลึงในความสวยงามเมื่อกระเช่าไต่ระดับสูงขึ้น สูงขึ้นอีกด้วย

เมื่อกระเช้ามาส่งแล้วเราสามารถเดินขึ้นบันไดไปต่อได้อีกสักประมาณ 50 ขั้นก็จะถึงจุดสูงสุดที่นี่ครับ จะชมวิว จะถ่ายรูปอะไรก็เชิญกันเต็มที่จ้า

ส่วนบนนั้นก็จะมีอาหาร มีของที่ระลึกขาย นั่งเล่นนั่งกินอะไรไปเพลินๆ

ขนมชื่อดังของที่นี่ครับ ลองทานกันได้

จากด้านบนเราจะสามารถเห็นวิวทั้งเมือง ทั้งเมืองจริงๆ

ลงจากกระเช้าแล้วไปทานข้าวกลางวันสไตล์ญี่ปุ่นดูครับที่ร้าน Nagomi ดูข้อมูลเพิ่มที่ >> https://tabelog.com/en/yamanashi/A1903/A190303/19000398/

นั่งรถยาวเลยครับไปไกลหน่อยเราจะไป  พิพิธภัณฑ์หมู่บ้านอิยาชิโนซาโตะ Iyashi no Sato

ที่นี่เคยเป็นหมู่บ้านเกษตรกรรมบนชายฝั่งทิศตะวันตกของทะเลสาบไซโกะ(Lake Saiko) ซึ่งถูกพายุไต้ฝุ่นพัดถล่มในปี 1966 จนกระทั้งต่อมาอีก 40 ปีได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ให้เป็นแบบดั้งเดิม และเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งให้ประชาชนได้เข้าชมศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม ลองและซื้อสินค้าหัตถกรรมแบบดั้งเดิม

วิธีการเดินทาง :: จาก Kawaguchiko Station นั่งรถบัส retro bus สาย Saiko Line ไปลงที่ Iyashi no Sato ประมาณ 40 นาที

บรรยากาศคล้ายที่หมู่บ้าน Shirakawa-go มากครับบ้านหลังคาสามเหลี่ยมแบบนี้ใช่เลย

ชมวิวกันอย่างเต็มอิ่มถ่ายรูปเพลินแล้วย้อนกลับไป คาเฟ่ขนมอร่อยวิวปัง นั่งทานกันที่ริมทะเลสาบกันดีกว่า ร้านนี้ชื่อ Cafè La Bohème mimi  ร้านนี้อยู่พิกัด >> นี้ << ถ้านั่งรถบัสก็จะอยู่ประมาณระหว่างสถานีที่ 19 กับ 20 อะครับ(ลองเช็กกับพิกัดอีกทีนะ)

ซึ่งวิวตรงนี้อะครับช่วงหน้าซากุระจะสวยมากเป็นพิเศษเลยล่ะครับ เพราะที่เห็นกิ่งโล้นๆทั้งหมดนั่นคือซากุระครับ

ป่ะเข้าคาเฟ่กัน

เราสั่งเมนูประจำร้านมาครับ เป็นผลไม้หลากหลานพร้อมกับไอศกรีม อร่อยมาก กินขนมไปดูฟูจิไปเพลินแท้

เย็นวันที่ 5 เข้าที่พักที่ Lakeland Hotel Mizunosato โรงแรมนี้จะมีห้องพักสไตล์เรียวกังแต่จะทันสมัยหน่อยครับอุปกรณ์ครบครัน มีห้องอาบน้ำในตัว แต่ก็จะมีออนเซ็นดีๆให้แช่ด้วยเช่นกัน ข้อเสียนิดเดียวของโรงแรมนี้คือ “ไม่เห็นฟูจิจากห้องพัก” เพราะว่าถ้ายึดทะเลสาบเป็นหลักที่นี่ตั้งอยู่ฝั่งเดียวกับฟูจิครับ ดังนั้นจะมองเห็นได้จากบนดาดฟ้าโรงแรมเท่านั้น  นอกนั้นดีงามหมดเลยครับ และราคาไม่แพงหูฉีกแบบพวกโรงแรมริมทะเลสาบที่มองหน้าต่างแล้วเห็นฟูจิเลย (ก็ตามราคาแหละ)

จองที่พัก Lakeland Hotel Mizunosato นี้ในราคาดีที่สุดผ่าน booking.com  >>> Click <<<

จองที่พัก Lakeland Hotel Mizunosato นี้ในราคาดีที่สุดผ่าน agoda.com     >>> Click <<<

จองที่พัก Lakeland Hotel Mizunosato ในราคาดีที่สุดผ่าน expedia.com >>> Click <<<

 

จากโรงแรมชิวเดินออกไปถ่ายรูปฟูจิตอนค่ำๆครับ เดินประมาณ 1 กิโลข้ามสะพานไปแล้วเลี้ยวขวา มีคนรักการถ่ายรูปมารอถ่ายรูปเพียบเลยครับ

กลับไปทานข้าวอร่อยๆ แช่ออนเซ็นฟินๆ แล้วเข้านอน พอตื่นเช้ามาก็ชมวิวทะเลสาบได้ต่อครับ จากระเบียงห้องพักจะเห็นวิวประมาณนี้  คือดีงามหมดแหละแต่แค่ไม่เห็นฟูจิซังเท่าน้านเอง

อันนี้วิวจากดาดฟ้าโรงแรมครับ ต้องขึ้นมาถึงมองเห็นนะ

ส่วนของออนเซ็นนนน จัดวางได้ดีมากครับ หามุมให้คนแช่ออนเซ็นแล้วเห็นฟูจิซังจนได้ ^^  ( ตอนผมถ่ายไม่มีคนอยู่ในนั้นเลยแม้แต่คนเดียวและขออนุญาติแล้วนะครับ )

จองที่พัก Lakeland Hotel Mizunosato นี้ในราคาดีที่สุดผ่าน booking.com  >>> Click <<<

จองที่พัก Lakeland Hotel Mizunosato นี้ในราคาดีที่สุดผ่าน agoda.com     >>> Click <<<

 

Day 6 วันสุดท้ายของทริปแล้วเที่ยวชิวๆออกสายหน่อยไปที่ Oishi park กันครับ  สวนโออิชิ ปาร์ค (Oishi Park) เป็นจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิ (Mt.Fuji) ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลสาบคาวากุจิโกะฝั่งเหนือ (Lake Kawaguchiko) ที่นี่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นซึ่งมาพักผ่อนตากอากาศ ชมวิว ดื่มด่ำกับความงามของทิวทัศน์

โดยทั้งสวนจะปลูกดอกไม้ต่างๆ ตามฤดูกาลตลอดปี ช่วงกลางเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนกรกฎาคมที่สวนโออิชิ ปาร์ค (Oishi Park) จะคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมดอกลาเวนเดอร์สีม่วงสด ที่บานเป็นพรมดอกไม้ทอดตัวไปสู่ริมฝั่งทะเลสาบคาวากุจิโกะโดยมีภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลัง และนอกจากนี้ที่นี่ยังมี Natural Living Center ร้านขายของสินค้าท้องถิ่นและของฝากต่างๆให้เลือกชมมากมาย

การเดินทาง :: ลงสถานีรถบัสเบอร์ 22 Kawaguchiko Natural Living Center

ในส่วนของที่นี่ก็จะมีของฝากพื้นเมืองมากมายครับ ตามที่ได้พูดไปด้านบน แต่จุดเด่นๆที่คนมากันก็คือการมาชมวิว และ ชมดอกไม้ตามฤดูกาลนั่นแหละครับ

แต่ แต่ แต่ สำหรับมนุษย์นักกินไอติมแบบผมนั่นที่นี่มีซอร์ฟครีมที่อร่อยมากกกกกกกกกกกกกกก การันตีโดยผมและบอกเลยว่าห้ามพลาดจริงๆครับ

ก่อนกลับจากเมือง Kawaguchiko ผมได้แวะทำลูกปัดแก้วเป็นของตัวเองที่ Kawaguchiko Experience Studio Craft Park ใครสนใจและมีเวลาว่างก็ลองไปได้ครับ มีอะไรให้เราเลือกทำได้หลายอย่างมากเลย เช่น การทำลูกแก้ว การทำขวดแก้วเป็นรูปต่างๆ จัดสวนทรายในแก้ว และอื่นๆมากมาย 

ผมขอจบทริปไปด้วยภาพที่สถานี Kawaguchiko station เรานั่งรถไฟกลับโตเกียวย้อนทางเดิมครับ คือไปลงสถานี Otsuki และนั่งไปยังสถานี Shinjuku ต่อรถไฟสถานีโตเกียวและนั่ง Narita Express ไปสนามบินกลับไทยครับผม 🙂

 

ถ้าอ่านถึงตรงนี้แล้วอิน อยากนอนโรงแรมเดียวกับที่ผมนอน เปิดวาร์ปลิงค์จองตามนี้ครับ !!

จองที่พัก Highland Resort Hotel & Spa ในราคาดีที่สุดผ่าน booking.com  >>> Click <<<

จองที่พัก Highland Resort Hotel & Spa ในราคาดีที่สุดผ่าน agoda.com     >>> Click <<<

จองที่พัก Highland Resort Hotel & Spa ในราคาดีที่สุดผ่าน expedia.com >>> Click <<<

Exit mobile version