Chill Journey | Thai Travel & Lifestyle blog

โปแลนด์ แดนคูล สวยสงบน่าหลงไหล ค่าครองชีพถูกกว่าใคร ไปเถ้อะ!

.       พูดถึงประเทศโปแลนด์ภาพที่เราจินตนาการคือค่อนข้างน่ากลัว น่าจะไม่สะดวกไม่ปลอดภัยสักเท่าไหร ด้วยภาพที่เราเห็นและสื่อที่เราเสพมักพูดแต่เรื่องสงคราม เรื่องของค่ายกักกัน เรื่องของยิวและฮิตเลอร์ แต่ที่ทุกคนบอกปากต่อปากกันคือสวยมาก โปแลนด์เป็นประเทศที่พอชิวไปแล้วผิดคาดทุกอย่างมันกลับกับสิ่งที่เราเคยรู้มาก่อนหมด !

.       บ้านเมืองเค้าสะอาดสะอ้าน เป็นระเบียบ มีความปลอดภัยสูง ผู้คนนิสัยดี พอคนมาเที่ยวน้อยมิจฉาชีพที่รอต้อนรับนักท่องเที่ยวน้อยตาม รู้สึกเดินเที่ยวสบายมาก ที่สำคัญคือสวยโคตร และค่าครองชีพถูกมากกกกกกกกก(ถูกสุดในยุโรปตอนกลางละมั้ง) กลายเป็นว่าเรารักประเทศนี้เข้าอย่างจัง และอยากให้ทุกคนรู้จักประเทศนี้ผ่านรีวิวของเราจริงๆ

.       ในบล็อกนี้ชิวก็จะขอเล่าเรื่องเทคนิคการถ่ายภาพต่างๆจากกล้อง Panasonic GX85 กล้องตัวเล็กสเป็คเทพ กล้องคู่ใจที่ชิวพกไปใช้งานทริปนี้ให้ฟังไปด้วยแล้วกัน

 

ข้อควรรู้นิดหน่อยก่อนไป

– วีซ่า : โปแลนด์เป็นประเทศในกลุ่มเชงเก้น ถ้ามีวีซ่าอยู่แล้วก็เข้าได้เลย ถ้าไม่มีต้องทำก่อนไปนะ

– ค่าเงิน : โปแลนด์ใช้เงินสกุลของเค้าเอง PLN – Polish Zloty  ในไทยอาจจะหาแลกยากหน่อย แลกเงิน EURO ไปก่อนก็ได้

– ค่าครองชีพถูกมาก เรียกได้ว่าถูกประมาณบ้านเราเลยเอาจริงๆ ถูกกว่าประเทศยุโรปอื่นๆที่เคยไปมาอย่างเห็นได้ชัดเลย รักมาก

– จากไทยไม่มีสายการบินไหนบินตรง แต่ไม่ต้องห่วงมีหลายสายการบินแบบต่อเครื่องบินลงเยอะแยะมากมายเลยครับ

 

Day1 :

.       โปแลนด์สามารถเข้าได้จากหลายประเทศ ที่ฮิตๆกันก็จะมี 2 เมืองคือมาจากทางปราก (ประเทศเช็ก) และมาจาก วิลนีอุส (ประเทศลิทัวเนีย) ซึ่งทริปนี้เราเริ่มจากด้านบนก็เลยมาจากทางลิทัวเนีย พอจบจากโปแลนด์แล้วเดียวเราก็จะไปเที่ยวต่อทางปรากนั่นแหละ

.       วิธีการเดินทางมาโปแลนด์ง่ายมากเราจองรถบัสของบริษัท Lux express มาเมื่อคืนชิวนั่ง night bus มาจากเมืองวิลนีอุส ออกที่โน้นกลางคืนก็จะมาโผล่เช้าที่เมืองวอร์ซอเมืองหลวงของประเทศโปแลนด์เลยแบบไม่เสียเวลา รถจะจอดให้ลงแถวสถานีรถไฟกลาง แว่บแรกที่ลงมาถึงคือตกใจเลย ตกใจกับความเจริญของเมืองมากกกก ไอ้ภาพที่คิดมาตลอดแบบถูกโยนทิ้งไปเลย

P1440562

Shooting guide : ภาพนี้เป็นการถ่ายย้อนแสงเล็กๆ มือใหม่อาจจะพบว่าการถ่ายภาพย้อนแสงฉากหน้ามักจะมืดเกินไป ชิวใช้วิธีปรับ Panasonic GX85 เพิ่มความสว่างช่วงเงาอัตโนมัติในกล้องในเมนู “highlight and shadow” ปกติเราจะตั้งค่าไว้เป็น shadow +2  ตัวกล้องจะขุดส่วนเงาขึ้นมาให้โดยอัตโนมัติตามที่เราตั้งไว้ ก็จะได้ภาพคลีนๆสว่างๆตามที่ต้องการ

ก่อนอื่นเราก็ลากกระเป๋าไปเก็บที่พักฝากกระเป๋ากันก่อนเพื่อความสบายตัว ชิวงีบไปสักพักใหญ่ๆเพื่อ recharge พลังให้ร่างกายสักนิด (ก็เมื่อคืนอยู่บนรถ…นอนไม่สนิท) พอฟื้นแล้วก็เริ่มเดินไปเมืองเก่ากัน จริงๆแล้วที่เที่ยวหลักของวอร์ซอก็คือตรงเมืองเก่านี่แหละ ถ้าใครจะไปพักตรงเมืองเก่าเลยก็เป็นทางเลือกที่ดีนะ แล้ววิธีเที่ยวโปแลนด์แบบง่ายๆก็ใช้วิธีการเดินเอา เดินได้หมดเลย ไม่ต้องหาซื้อพาส หรือ ขึ้นรถอะไรให้ปวดเศียรเวียนเกล้า

 แท้แด้นนน และนี่คือเมืองเก่าของเราแต่ก่อนนั่นเองฮะ เป็นอะไรที่ต้อง “โอ้โห” คือมันสวยลงตัวมากๆ นี่เป็นที่เที่ยวเมืองในยุโรปมาเยอะมากๆๆ และทุกเมืองมันก็จะต้องมีจตุรัสกลางเมืองอะไรแบบนี้ แต่ที่นี่คือสวยจริงแบบรักเลยยยยยย มันลงตัวมากเหมือนเค้าดีไซน์ทุกอย่างไว้แล้ว ว่าบ้านสีนี้ต้องอยู่ตรงนี้ ต้องมีบ้านทรงแบบนี้ ชอบมาก

จากตรง Old Town Square (Sigismund’s Column) ชิวก็เดินต่อเข้าไปด้านในครับสองข้างทางจะเป็นร้านรวงขายทั้งของกินของใช้ของที่ระลึกเยอะแยะ รอต้อนรับนักท่องเที่ยว เดินเพลินๆถ่ายรูปสนุกมาก ตรงแถวนี้จะมี 2-3 โบสถ์ที่ไม่เสียค่าเข้าให้เข้าชมความขลังด้วยนะ

เดินไปอีกนิดจะเจอนางเงือก หืมมมมโปแลนด์เกี่ยวอะไรกับเงือก?? ทำไมมีเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด คืองี้ฮะ ตามตำนานมี เรื่องยอดนิยมมีอยู่ว่า นางเงือกชื่อ “ซาวา” ถูกจับตัวไว้ มี ชายหนุ่มนาม “วอร์ส” มาช่วยไว้ และเพื่อตอบ แทนคุณงามความดีของวอร์สนางเงือกซาวาจึงให้คำมั่นสัญญาว่าจะช่วยปกป้องเมือง นับแต่นั้นมาจึงเรียกเมืองนี้ว่า “วอร์ซาวา” Warszawa หรือวอร์ซอ Warsaw นั่นแหละคร้าบท่านผู้ชม

อีกหนึ่งจุดที่ต้องไม่พลาดเพราะยังไงก็ต้องเจออยู่แล้วคือ ป้อมวอร์ซอ (Barbacan) ป้อมนี้จะถูกล้อมรอบด้วยกำแพงเมือง แต่ป้อมปราการส่วนใหญ่ถูกทำลายไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองแล้วนะ ดังนั้นก็ไม่ต้องแปลกใจที่ป้อมออกจะไม่ใหญ่โตอย่างที่คิด ตอนแรกชิวคิดว่ากำแพงเมืองปกติด้วยซ้ำ

Shooting guide : การถ่ายภาพวัตถุเคลื่อนที่แบบรวดเร็ว แนะนำให้ปรับโหมดการถ่ายเป็น continuous shot ตัวกล้อง Panasonic GX85 สามารถรัวได้ถึง 10 ภาพต่อวินาทีทำให้ไม่พลาดช็อตเด็ดที่เอามาใช้งาน

เดินยาวไปครับเพลินๆจนถึงด้านในสุดออกนอกเขตกำแพงเมืองไปสักหน่อยก็จะรู้ได้เองว่าสุดแล้ว เพราะมันจะเริ่มร้างฮะ ร้านค้าเริ่มเงียบหายไปเรื่อยๆ เราก็เลยเดินย้อนกลับทางเดิม ถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อยจนมาถึงจตุรัสอีกครั้ง แถวนี้จะเป็นที่ๆคึกคักที่สุดเลย มีร้านไอติมด้วยนะลองชิมกันดู ราคาถูกมากคิดกลับเป็นเงินยูโรก็แค่ 1 ยูโรเท่านั้นเอง ถูกจริง

1 ยูโรเอง ถูกมากๆ

จากจตุรัสกลางเดินย้อนกลับมาตามถนนท่องเที่ยวเส้นหลักนะ สองข้างทางก็จะเป็นร้านค้า คาเฟ่ อีกแล้ว บ้านเมืองสไตล์ยุโรปสวยเก๋มาก ผ่านโบสถ์หลายอันเชียว เราก็เดินเที่ยวไปเรื่อยๆเพลินๆจนถึงตรงกลางเมือง ชิวพักที่ Oki Doki Hostel นะอันนี้ดีเลยแนะนำ ( จองตามหนังสือ lonely planet มาไม่ผิดหวัง)

ตอนเย็นเราก็ออกเดินอีกครั้งหนึ่งเสน่ห์ของเมืองเก่าที่พลาดไม่ได้คือต้องไปทั้งตอนเช้าและตอนเย็น ตอนเย็นก็จะบรรยากาศคึกคักแปลกไปกว่าเดิมนะ จากโฮสเทลชิวเดินไปยังสวนสาธารณะหลักใจกลางเมืองก่อนชื่อว่า Saxon Garden Warsaw ซึ่งตรงนี้จะเป็นจุกที่คนวอร์ซอมาพักผ่อนหย่อนใจ เดินเล่น ปิกนิกกัน และอีกอย่างหนึ่งคือจะมี Warsaw’s Unknown Soldiers’ Grave ด้วยที่เป็นเหมือนอนุสรณ์รำลึกถึงทหารโปแลนด์ครับ จะมีทหารหน้านิ่งยืนตรงเป๊ะอยู่

เดินยาวไปมุ่งหน้าสู่ old town เช่นเคยแล้วก็ต้องสะดุดตาที่ไอติมผัด ที่พีคไปกว่านั้นดันเขียนว่า “Thai ice” เห้ยนี่ต้นกำเนิดไอติมผัดเกิดขึ้นที่ไทยจริงดิ ??? ชิวนี่ติดสตั้นท์ไปเลยฮะ

ตอนเย็น old town จะคึกคักมากกว่ากลางวันซะอีก มีการแสดงเปิดหมวก มี street performance ดูเพลินมากๆ

และจุดที่พีคสุดเราว่าเจ๋งสุดและต้องห้ามพลาดเลยคือการขึ้นดูวิวมุมสูงที่ Taras Widokowy ค่าเข้าก็ถูกมากๆแค่ 6 PLN (90 บาท)  เท่านั้นเอง ถือว่าถูกมากและวิวดีมากจริงๆ แนะนำให้ขึ้นตั้งแต่พระอาทิตย์กำลังจะตกและอยู่รอจนเมืองเปิดไฟสวยมากกกกกกกกกกกกกก อย่าพลาดเชียวนะ

Shooting guide : ช่วงพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า เป็นช่วงเวลาที่สวยสุดๆของวันเมื่อมองด้วยตา แต่เมื่อเราถ่ายรูปแล้วภาพมักออกแย่ ด้วยความที่กล้องยังเก่งได้ไม่เท่ากับดวงตาเรานั่นเอง ดังนั้นวิธีการถ่ายภาพแบบนี้ให้ออกมาสวย เราแนะนำให้ถ่ายแบบคล่อมแสง ( bucket shot ) โดยกล้อง Panasonic GX85 เราก็มีฟังก์ชั่นนี้เหมือนกันเข้าไปที่เมนู Shooting -> Bucket shot จากนั้นเลือกช่วงเป็น +- 1   ตัวกล้องจะทำการถ่ายภาพ 3 ภาพต่อเนื่องโดยอัตโนมัติ คือ มืด – ปกติ – สว่าง เพื่อทำการเก็บแสงทั้งสามช่วงเข้าด้วยกัน     ตัวอย่างภาพด้านบนเกิดจาก 3 ภาพนี้นำช่วงแสงมารวมกัน

Day2 : วันนี้ชิวจะเก็บตกอีก 2 จุดที่อ่านรีวิวมา คือสวนสาธารณะใหญ่ Łazienki Park ซึ่งระหว่างทางจะเดินผ่านถนนคาเฟ่ที่สวยที่สุดของวอร์ซอชื่อว่า Nowy Świat ถนนนี้คือสวยจริงและคาเฟ่ ร้านค้า ร้านกาแฟเยอะจริง ชิวชอบมากๆเดินเพลินสุด

Shooting guide :  วิธีการถ่ายภาพ steet แบบเก็บบรรยากาศเมืองมีไกด์เล็กๆให้คืออย่างแรก หาเฟรมที่ใช่ ยืนรอเลยครับ รอคนเดินผ่านเข้ามาในเฟรมจากนั้นกดชัตเตอร์เลย ซิ่งตัว GX85 นี่ทำง่ายมาก นางโฟกัสไวโคตรๆกดปุ๊ปชัดปั๊ป ทันเวลา

เราเดินจนเจอร้านหนึ่งเป็นร้านขายโดนัทบ้านๆ หน้าร้านมีแปะป้าย trip advisor การันตีความอร่อย มีหรือจะพลาดจัดมาลองสิครับแค่ 3 PLN เองถูกจริงประเทศนี้ แล้วก็อร่อยมากๆไม่ผิดหวัง

เติมสารอาหารเข้าร่างแล้วเดินต่อมุ่งหน้าสู่สวนครับ เดินไกลหน่อยนะประมาณ 2-3 กิโล แต่ในสวนนี่ก็จะมีอะไรให้ดูหลายอย่างสวนสาธารณะนี้มีขนาดใหญ่มาก!! มีเนื้อที่ถึง 760,000 ตารางเมตรเชียวนะ!! เดินทั้งวันก็ยังไม่ครบบอกตรง !!

เดินชมนกชมไม้ไปเรื่อยๆครับเดินจนถึงตรงกลางจะมีพระราชวังขนาดเล็กที่ตั้งอยู่กลางน้ำ ชื่อว่า Palace on the Isle นะแล้วรอบๆนั้นก็จะมีรูปปั้นสไตล์โรมันหลายอันเลย เดินเล่นๆเพลินๆเน้อะ

ที่น่าสนใจคือมีโรงละครโรงละครกลางแจ้งด้วยครับ Amfiteatr เท่ดีไม่เหมือนใคร

และจุดสุดท้ายของสวนที่ชิวเดินไปคือ อนุสาวรีย์ของโชแปง (Chopin Monument) ศิลปินนักเปียโนชื่อดังของโลกในท่านั่งหลับตาอยู่ใต้ต้นวิลโลว์ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำชาติของโปแลนด์ด้วยนะ งดงามมากเลย

เสร็จสิ้นภารกิจสำรวจเมืองหลวงของโปแลนด์ใน 2 วันนะครับเย็นนี้เราขึ้นรถบัสของบริษัท Polskibus รถบัสสัญชาติโปแลนด์มุ่งหน้าสู่เมืองสวยอีกเมืองชื่อ คราครูฟ (Kraków) (จองออนไลน์ได้ผ่านเว็บไซต์เค้าเลย) เพื่อนที่โฮสเทลบอกว่าคราครูฟสวยกว่าวอร์ซออีก เดียวเราจะไปพิสูจน์กันนะ!

 

Day3 : หลังจากเมื่อคืนนั่งบัสมาถึงดึกถึง 3 ทุ่มกว่าเราก็เข้าพักโฮสเทลใกล้ๆกับสถานี เช้านี้เราจะตื่นเช้ากันนิดหนึ่งเพราะต้องการเก็บทั้งเมืองเก่า และ ไปชมค่ายกักกัน Auschwitz สมัยสงครามโลกกันครับ

.       วิธีการไปจากสถานีรถไฟคราครูฟไปไม่ยากครับ นั่งรถบัสสายเดียวถึงเลย ดูตารางรถบัสแล้วไปถึงสถานีล่วงหน้าสักครึ่งชั่วโมงบอกพนักงานขายตั๋วว่าไป Auschwitz แค่นั้นเองก็ได้ตั๋วมาแล้ว ดูตารางรถบัสได้ตามนี้ครับ https://www.busy-krk.pl/en/oswiecim-krakow.php?godz=12

.       ขอเล่าให้ฟังนิดหนึ่งว่าค่าย Auschwitz คืออะไรทำไมถึงสำคัญแล้วผู้คนทั่วโลกอยากมาสัมผัส ค่าย Auschwitz คือค่ายกักกันและค่ายมรณะที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาค่ายกักกันของนาซีของนาซีเยอรมนีที่ทำการระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ชาวยิวทั่วยุโรปถูกหลอกว่าจะได้มาพบกับโลกใบใหม่ชีวิตใหม่ แต่ทั้งหมดนั้นคือคำหลอกลวง เป็นการหลอกยิวมาฆ่า มาใช้แรงงานอย่างเหี้ยมโหดแบบที่มนุษย์ไม่สมควรทำกับมนุษย์ด้วยกันทุกประการ … เรื่องมันเศร้าผมพาชมอย่างเดียวแล้วกันนะ

Shooting guide : เลือกเอากล้องใกล้ฉากหน้าและโฟกัสไปที่ด้านหลัง ทำให้ภาพดูลึกลับเข้ากับบรรยากาศมากขึ้น ถ้าคิดไม่ออกกับการจัดองค์ประกอบให้ใช้ฟังก์ชั่น Post focus ของกล้องช่วยเอา ถ่ายทีเดียวเอานิ้วจิ้มจอเลือกโฟกัสที่ใช่แบบง่ายๆ

ชิวขอไม่ลงรายละเอียดมากนะครับเพราะถ้าลงรายละเอียดมากบล็อกนี้จะหมดความสนุกและกลายเป็นบล็อกแห่งความเศร้าทันที แต่คนเขียนกระทู้ไว้ละเอียดครบถ้วน ถ้าอยากอินแบบสุดๆแนะนำอ่านต่อได้ที่กระทู้นี้นะ https://pantip.com/topic/30763839

หลังจากเราไปเยี่ยมชมที่ค่าย Auschwitz แล้วตอนบ่ายๆเราก็นั่งรถกลับย้อนทางเดิมครับ มาถึงสถานีรถไฟกลางเมืองตอนประมาณบ่าย 3 โมงล่ะ เรายังมีภารกิจสำคัญอีกอันคือการเยี่ยมชมเมืองเก่าที่ว่ากันว่าสวยสุดๆ ตามกันมาเลย

จากสถานีเดินใกล้มากๆครับก็จะผ่านประตูเมืองเข้าสู่เมืองเก่าแล้ว เมืองเก่าคราครูฟถือว่าคึกคึกและสวยงามมาก สวยกว่าวอร์ซอแบบกินกันไม่ลงจริงๆ

ชิวเดินผ่านร้าน LODY หลายร้านตอนแรกก็ว่าทำไมร้านไอติมชื่อ LODY มันมีเยอะจังที่ไหนๆก็มี พอเปิด google translate ดูก็ถึงบางอ้อ LODY มันแปลว่าไอติม ถถถถถถถถถ

เดินตรงจากปากทางเข้าไปไม่ไกลก็จะถึงจตุรัสกลางเมือง ตลาดนัดรีเน็ค โกลนี่”(Rynek Glowny) หรือ “Market Square” ที่ยิ่งใหญ่อลังการมากครับครึกครื้นและสวยงามมากๆ

.       โบถส์สูงๆที่เห็นอยู่กลางเมืองคือ St. Mary’s Basilica เป็นโบสถ์มีหอคอยอยู่ 2 หอซึ่งมีความสูงไม่เท่ากัน หอที่สูง 69 เมตรใช้เป็นหอระฆัง และอีกหอสูง 81 เมตร ใช้เป็นหอสังเกตุการณ์ก็แปลกดีเหมือนกัน

.       ตรงนี้ยังมีจุดเด่นที่ห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรปชื่อ “ซูเคียนนีส” (Sukiennice)  ครับ ด้านในจะขายพวกของที่ระลึกล่ะ ชิวชอบบรรยากาศด้านในมากดูย้อนยุคดีจัง เหมือนบรรยากาศในหนังเปอร์เซียไรแบบนั้นอะฮะเท่ดี

.       เพลิดเพลินกับใจกลางเมืองแล้วเดินต่อไปตามถนนสองข้างทางก็จะเป็นร้านค้า ร้านกาแฟ คาเฟ่เช่นเคย เดินยาวไปปลายทางเราอยู่ที่ปราสาทวาเวล (Wawel Royal Castle) บนเขาวาเวล (Wawel Hill) ครับ ตัวปราสาทสวยมากๆครับที่สำคัญไม่เสียค่าเข้าชมอีกตังหาก ในอดีตที่นี่เคยเป็นพระราชวังหลวง ที่ประทับของกษัตริย์โปแลนด์มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 จนกระทั่งเมืองหลวงย้ายไปอยู่ที่กรุงวอร์ซอร์  ห้ามพลาดมาชมด้วยประการทั้งปวงครับดีมากกกก

Shooting guide : หาเส้นนำสายตาในภาพ เช่นรางรถไฟ ทำให้ภาพดูน่าค้นหามากขึ้น

shooting guide :  ถ้ารู้ล่วงหน้าว่าจะมีวัตถุเคลื่อนไหวเร็วผ่านเช่นรถไฟแบบในภาพ ผมจะใช้ 4K Photo มาช่วยกล้องจะถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K ถ่ายประมาณ 1-2 วิแล้วเราจะสามารถเลือกภาพที่ใช่ที่สุดใน 30 ภาพ(ต่อวิ)เซฟเป็นภาพออกมา ฟังก์ชั่นนี้แจ่มมากทำให้ได้ Perfect shot ในครั้งเดียวที่ถ่าย

ภายในเขตปราสาทครับร่มรื่นสวยงามมาก

จากปราสาทมองไปยังริมแม่น้ำจะเป็นโซนพักผ่อนหย่อนใจของคนเมืองนี้ เสียดายวันนี้เที่ยวตั้งแต่เช้าเลยไม่มีเวลาลงไปเดินเล่นสัมผัสบรรยากาศ แต่ได้มองจากข้างบนก็ชื่นใจล่ะ

อยู่ปราสาทซะนานบรรยากาศร่มรื่นพักผ่อนกันยาวๆ จากปราสาทชิวเดินย้อนกลับทางเดิมกลับไปยังจตุรัสกลางเมืองอีกครั้ง ตอนนี้เป็นเวลาก่อนพระอาทิตย์ตก บ้านเมืองสไตล์ยุโรปสวยๆถูกฉาบด้วยแสงสีทองก่อนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า เป็นโมเม้นต์ที่ประทับใจโปแลนด์ไม่ลืม อยากให้ทุกคนมาเที่ยวโปแลนด์นะครับ แม้มีเวลาน้อยเพียงแค่ 3-4 วันก็สามารถเก็บเมืองท่องเที่ยวหลักของโปแลนด์ได้ครบ แล้วจะรู้ว่าที่ชิวอวยมาขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย

Exit mobile version