แจกแพลนพาหลานเที่ยวญี่ปุ่น Osaka – Nara – Kyoto – Kobe Kansai 6 วัน 5 คืน
เดินน้อย เที่ยวได้ครบ เหมาะกับครอบครัว พักสบาย กินง่าย เด็กก็ฟิน ผู้ใหญ่ก็ไม่เหนื่อย 🧳🌿
📍แจกแพลนเที่ยวแบบครอบครัว ที่อยากบอกว่า… ใครว่ามีเด็กแล้วจะเที่ยวญี่ปุ่นเหนื่อย บอกเลยว่าจริง!!
เฮ้ย! ไม่จริงงงงง ก็คือเหนื่อยกว่าปกตินิดหนึ่งแหละ แต่แพลนนี้ค่อนข้างลงตัว เช่ารถขับวันแรก และ วันสุดท้าย ทำให้ไม่เหนื่อยในการแบกกระเป๋าพร้อมเด็กๆ ช่วยลดความเหนื่อยไปได้แบบ 10 ล้านเท่า ทริปนี้เราเริ่มที่ โอซาก้า แล้วขับรถเที่ยวช่วงแรก เพราะมีเด็กไปด้วย เช่ารถช่วยเซฟแรงพ่อแม่ได้เยอะ! ไม่ต้องลากกระเป๋าขึ้นลงรถไฟ ไม่ต้องรีบตื่นเช้า ขับแค่วันแรก ๆ แล้วคืนรถ เข้าพักยาวที่โอซาก้าอีก 4 คืนแบบไม่ย้ายของบ่อย สบายสุดทริปนี้พิสูจน์แล้วว่า
✅ เด็กสนุก
✅ ผู้ใหญ่ชิลล์
✅ ไม่เร่ง ไม่รัน แต่ว่าครบมาก!
อ่านจบโหลดแพลนไปใช้ได้เลย
แผนคร่าว ๆ
- Day 1: สนามบินคันไซ → นารา (เจอกวาง) → อูจิ (เมืองชาเขียว) → นอนเกียวโต
- Day 2: เที่ยววัดในเกียวโต → ย้ายเข้าโอซาก้า พักยาว
- Day 3: พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Kaiyukan → เดินเล่นนัมบะ
- Day 4: ชมปราสาทโอซาก้าจากบนตึก → เดินเล่นช็อปปิ้ง → World Expo 2025
- Day 5: Day trip ไป Kobe Suma Sea World ดูโชว์ Orca
- Day 6: เช่ารถอีกวัน → เที่ยว Wakayama → คืนรถที่สนามบินคันไซ
รายละเอียดแต่ละวันอยู่ด้านล่าง บอกเลยว่าเก็บครบทุกแนว ทั้งธรรมชาติ วัด เทคโนโลยี อควาเรียม และโชว์สัตว์น้ำ เด็กไม่เบื่อเลย
ใครกำลังวางแพลนเที่ยวญี่ปุ่น แนะนำเลยว่า ลองจองผ่าน Gother ดูนะ
เป็นอีกตัวช่วยที่เราใช้ในทริปนี้ แล้วรู้สึกว่า จองง่าย สะดวก ตอบแชทไว ทีมซัพพอร์ตเป็นคนไทยคุยรู้เรื่อง!
สามารถจองได้ทั้งผ่านแอป เป๋าตัง และ K PLUS สะดวกสุด ๆ
ถึงแม้จะเป็นแอพน้องใหม่ แต่มั่นใจได้เพราะ Gother เป็นแพลตฟอร์มที่เกิดจากการร่วมทุนของสองธนาคารใหญ่
คือ บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล (ในเครือธนาคารกสิกรไทย) และ กรุงไทย เวนเจอร์ส (ในเครือธนาคารกรุงไทย)
เลยทั้ง น่าเชื่อถือ และ ปลอดภัย
สิ่งที่เราชอบคือ โค้ดส่วนลดเยอะมาก! จองโรงแรม บัตรเข้าชม พาสเดินทางต่าง ๆ ได้ครบในแอปเดียว
ใครอยากให้ทริปลื่นไหลตั้งแต่ก่อนเดินทางเพิ่ม Gother ไว้ในลิสต์เลย ✈️
📌 Day 1 – สนามบินคันไซ → นารา (ดูน้องกวาง) → อูจิ (เมืองชาเขียว) → นอนเกียวโต
แลนด์ดิ้งเช้าที่สนามบินคันไซ รับรถเช่าแล้วขับตรงไป นารา ประมาณ 1 ชั่วโมง
จากนั้นจอดรถใกล้ๆวัดแวะ วัดโทไดจิ ไฮไลต์ของวัดคือ หลวงพ่อโต (Daibutsu) หรือพระพุทธรูปสำริดองค์ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น สูงถึง 15 เมตร หนักกว่า 500 ตัน ประดิษฐานอยู่ในอาคารไม้ขนาดมหึมา ชื่อว่า ไดบุทสึเด็น (Daibutsuden) ซึ่งเคยเป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก! บรรยากาศในวัดสวยมากๆเลย
และในวัดจะมีกวางด้วย ไม่ต้องเดินไปถึง Nara Park ก็ได้ ( เพราะไกลพอตัว ) ในวัดก็มีกวางให้ได้ดูเหมือนกัน แต่กวางที่นี่ค่อนข้างเกเร เอาความจริงมาพูดเลยคือกวางก็น่ารักดี แต่แบบถ้ามีคนให้อาหารปุ๊ปพวกนางจะวิ่งกรูกันเข้ามาแบบป่วนมากกกก
บ่ายพาเด็กไปเปลี่ยนบรรยากาศที่ อูจิ (Uji) เมืองชาเขียวอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น หนึ่งในวัดที่ไม่ควรพลาดถ้าแวะมาเมืองอูจิ (Uji) คือ “วัดเบียวโดอิน” จุดเด่นของที่นี่คือ หอหลักที่ชื่อว่า “หอนกฟีนิกซ์” (Phoenix Hall) ซึ่งเป็นอาคารทรงสวยสงบ สไตล์สถาปัตยกรรมญี่ปุ่นยุคเฮอัน หอนี้แหละ…คือภาพที่อยู่บน เหรียญ 10 เยน ที่เราเห็นกันทุกวัน! พอได้มาเห็นของจริงแล้วคือแบบ โอ้โห…เข้าใจเลยว่าทำไมถึงเลือกที่นี่เป็นสัญลักษณ์
บรรยากาศรอบวัดร่มรื่น อยู่ติดสระน้ำ มีวิวสะท้อนอาคารบนผิวน้ำสวย ๆ เดินเล่นได้สบาย ไม่กว้างเกินไป เด็ก ๆ ก็ไม่เหนื่อยเกิน
หน้าวัดจะเป็นถนน Omotesando หรือถนนชาเขียวชื่อดัง ที่ขายขนมชาเขียวเต็มสองข้างทาง เราได้ไป Nakamura Tokichi ร้านมัทฉะในตำนาน คาเฟ่ Nakamura Tokichi (Byodo-in) ร้านเก่าแก่ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 1854 (ใช่แล้วจ้า เกือบ 171 ปี!) เรียกว่าเป็นตำนานที่ยังมีชีวิตของวงการชาเขียวญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ร้านนี้แต่เดิมเป็นโรงงานผลิตชาเขียว แล้วก็ปรับมาเป็นคาเฟ่เล็กๆ ริมแม่น้ำ บรรยากาศดีแบบสโลว์ไลฟ์สุดๆ ไอศกรีมมัทฉะเข้มข้น เด็กกินเพลิน ผู้ใหญ่กินแล้วสดชื่น
มาถึงเมนูที่ห้ามพลาด! ตัวเด็ดของร้านก็คือ มัทฉะลาเต้ ที่ใช้ชาเขียวคุณภาพสูงจากอุจิ บอกเลยว่าเข้มข้น หอม กลมกล่อม ไม่หวานเกินไป รสชาติมัทฉะแท้ๆ แบบญี่ปุ่นดั้งเดิมเลยล่ะ แล้วก็ต้องสั่งขนมอย่าง Matcha Jelly Parfait หรือ มัทฉะเซ็ทขนมญี่ปุ่น ที่เสิร์ฟพร้อมชาเขียวร้อน บางเมนูมีเยลลี่นุ่มๆ ถั่วแดงบด ไอศกรีมมัทฉะ และโมจิ รสชาติดีทุกอย่าง ไม่มีหลุดฟอร์มเลยซักนิด ดีแบบเต็มสิบให้หนึ่งร้อยคะแนน !
เย็นไปต่อที่ Fushimi Inari Taisha (ศาลเจ้าจิ้งจอก) ศาลเจ้าจิ้งจอกสุด iconic กับอุโมงค์โทริอิแดงนับพันต้น เดินแค่ช่วงต้นกับเด็กก็พอ ได้ฟีลญี่ปุ่นจัดเต็ม
คืนนี้นอนเกียวโต พักสบาย เตรียมลุยพรุ่งนี้ จองโรงแรม กับทาง Gother ได้เลย
DAY 2 – เที่ยววัดดังในเกียวโต → เข้าโอซาก้า พักยาว
พวกเราเริ่มเช้าของวัน ที่ วัดคิโยมิสึเดระ หรือที่คนไทยรู้จักกันว่า “วัดน้ำใส” คือวัดเก่าแก่ในเกียวโต อายุกว่า 1,200 ปี โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมไม้ที่สร้างโดยไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว ตั้งอยู่บนเชิงเขา วิวสวยและเงียบสงบ อาคารไม้ขนาดใหญ่ที่ไม่มีตะปู! เด็ก ๆ สนุกกับการดื่มน้ำขอพร และถ่ายรูปวิวเมืองสวย ๆ
ปิดท้ายเกียวโตที่ 📍วัดทองคินคะคุจิ (Kinkaku-ji) หนึ่งในแลนด์มาร์กที่สวยที่สุดของเกียวโต วัดนี้โดดเด่นด้วยศาลาทองอร่าม 3 ชั้น ตั้งอยู่ริมสระน้ำท่ามกลางสวนญี่ปุ่นสุดร่มรื่น ภาพสะท้อนของศาลาบนผิวน้ำคือเสน่ห์ที่ไม่มีวันเบื่อ วิวศาลาสีทองสะท้อนน้ำแบบ iconic ถ่ายรูปง่าย เดินน้อย แต่สวยจับใจ
บ่ายเราย้ายเข้าสู่โอซาก้า คืนรถเช่า แล้วพักยาว 4 คืนแถว Sakuragawa–Namba โลเคชันดี ใกล้รถไฟ ร้านสะดวกซื้อ และเดินไปนัมบะได้ เราจองโรงแรมราคาถูก ผ่าน Gother เช่นเคย
DAY 3 – พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Kaiyukan → เดินเล่นนัมบะ
วันนี้เอาใจเด็ก ๆ หน่อย เราเริ่มต้นวันที่ Kaiyukan Aquarium พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำระดับโลก
ไฮไลต์อยู่ที่ ฉลามวาฬตัวใหญ่ ที่ว่ายวนอยู่ในแท็งก์น้ำตรงกลาง ซึ่งสูงหลายชั้น เดินดูจากด้านบนไล่ลงมาได้เรื่อย ๆ เพลินทั้งเด็กและผู้ใหญ่
นอกจากฉลามวาฬ ยังมีเพนกวิน แมวน้ำ กระเบน ปลาปักเป้า และแมงกะพรุนที่จัดแสดงสวยมาก เด็ก ๆ ตาโตแบบไม่รู้จะมองตรงไหนก่อน
ช่วงเย็นเรากลับเข้าเมือง เดินเล่นย่าน Namba–Dotonbori แบบชิลล์ ๆ
ถ่ายรูปกับป้ายกูลิโกะ เดินตลาด ชิมขนม ปิ้งโอโคโนมิยากิร้อน ๆ และแอบซื้อของเล่นให้หลานคนละชิ้น ปิดวันแบบเบาสบายๆ
Day 4 – ปราสาทโอซาก้า (ชมจากบนตึก) → เดินเล่นช็อปปิ้งในเมือง Osaka → World Expo 2025
เช้านี้เราพาเด็ก ๆ ไปดูปราสาทโอซาก้าแบบไม่ต้องเดินเยอะ ด้วยการขึ้นไปที่ Osaka Museum of History ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามปราสาทนั่นเอง จากชั้นบนสุด เราได้เห็นวิวปราสาทโอซาก้าแบบเต็ม ๆ พร้อมจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับเมืองโอซาก้าตั้งแต่ยุคโบราณ เหมาะมากกับการพาเด็กมาเรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์เป็นของแถม
กลางวันฝนตกเล็ก ๆ เราเลยพักเดินห้างในเมือง ช็อปปิ้งดูโน้นดูนี่ แล้วค่อยไป Osaka World Expo 2025 ช่วงเย็นแทน
เราไปถึงงานประมาณ 5 โมงเย็น ฝนเพิ่งหยุดพอดี ฟ้าค่อย ๆ มืด คนในงานก็เริ่มซา
บัตรเข้างานตอนค่ำถูกลงครึ่งหนึ่ง แต่สิ่งที่ได้คือความว้าวแบบคูณสอง เพราะได้ดู แสง สี เสียง ที่อลังการมาก
งานจัดที่เกาะ Yumeshima ซึ่งสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับอีเวนต์นี้โดยเฉพาะ
ธีมของงานคือ “Designing Future Society for Our Lives” – เน้นเรื่องอนาคต การพัฒนาอย่างยั่งยืน และเทคโนโลยี
พาวิลเลียนที่เราเข้าไปดู มีทั้ง…
- ไทย: ใช้พาสปอร์ตไทยเข้าเลย ข้างในเป็นนิทรรศการแบบอินเทอร์แอคทีฟ พูดเรื่อง soft power และความคิดสร้างสรรค์
- โอมาน: ว้าวมาก! ใช้เสียง แสง สี กลิ่น เล่าเรื่องน้ำ คล้าย ๆ teamLab เลย
- ฮังการี: เป็นพาวิลเลียนเล็ก ๆ ที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว โฟกัสที่เสียงดนตรีและภาษาสื่อสาร
- สเปน: สนุก สดใส ดนตรีจัดเต็ม ถ่ายรูปเพลิน
- เดินผ่าน Gundam ตัวใหญ่ฟูลไซส์จากฝั่งญี่ปุ่น เห็นแล้วถึงกับหยุด
เราปิดท้ายด้วยการเดินเล่นบน Grand Roof ทางเดินลอยฟ้ายาว 2 กิโลเมตร มองวิวทั้งงานได้ครบ แสงไฟสวยงาม
การเดินทางกลับก็ง่ายมาก รถไฟจาก Yumeshima เข้าตัวเมืองสะดวก คนเยอะแต่ไม่วุ่นวาย จัดการดีมาก
Day 5 – Day trip ไป Kobe Suma Sea World
วันสุดท้ายเราพาหลานนั่ง JR จากโอซาก้าไป Kobe ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
เป้าหมายคือ Kobe Suma Sea World ที่เพิ่งรีโนเวทใหม่ สดใส น่าเที่ยว บรรยากาศดีมาก เพราะอยู่ติดทะเล ลมเย็นสบาย คนไม่เยอะ
เราได้ดู โชว์โลมา และไฮไลต์ที่ห้ามพลาดคือ โชว์วาฬเพชฌฆาต (Orca)
ตัวใหญ่มากกกกก แต่น่าทึ่งสุด ๆ ว่ายน้ำพริ้ว กระโดดสูง ท่ากลางอากาศคือเกินคาด!
เด็ก ๆ ตื่นตาไปหมด ส่วนผู้ใหญ่ก็สนุกไม่แพ้กันเลย
หลังโชว์ก็มีโซนอควาเรียมให้เดินต่อ ดูแมงกะพรุน ปลาแปลก ๆ และเพนกวินแบบใกล้ชิด เป็นการจบวัน และจบทริปแบบน่ารักที่สุด
วันที่ 6 – เช่ารถขับแวะเที่ยว Wakayama → สนามบินคันไซ
วันสุดท้ายก่อนกลับ เราเช่ารถอีกครั้งแบบวันเดียว เพื่อขนกระเป๋าและเด็กทั้งหมดขึ้นรถไปสนามบิน เวลาเหลือเลยขับไปเที่ยว Wakayama Marina City ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน จุดแรกคือ ตลาดปลาคุโรชิโอะ ที่มีโชว์แล่ปลาทูน่าแบบสด ๆ ให้ดู เห็นขนาดตัวปลาแล้วต้องร้องอู้หู เด็ก ๆ ตื่นเต้น จากนั้นก็เดินเล่นที่ Porto Europa เมืองจำลองบรรยากาศยุโรปริมทะเล มีเครื่องเล่นเบา ๆ สำหรับเด็ก และมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ เด็กแฮปปี้
ช่วงเย็นขับรถไปคืนที่สนามบิน แล้วเช็คอินกลับไทยแบบสวย ๆ หลานหลับบนเครื่องทันที เหมือนหมดแรงแต่เต็มใจ ทริปนี้ไม่ต้องบังคับอะไรเลย เด็กสนุก ผู้ใหญ่สบาย
ใครกำลังคิดจะพาเด็กเที่ยวญี่ปุ่น ลองใช้แพลนนี้ดูเลยนะ
ญี่ปุ่นเวอร์ชันครอบครัว… สนุกได้กว่าที่คิด!