หลังจากบล็อคที่แล้ว ผมได้พาไป Dalat แบบมาตรฐานด้วยการซื้อ local tour แบบ one day ไปแล้ว วันนี้จะมาต่อให้จบสำหรับอีก 3 วันที่เหลือ

สำหรับแผนของวันที่ 3 นี้เราจะเช่ามอไซด์ตะลุยเมืองดาลัดกัน ที่สำคัญเราจะไปที่เขา Langbiangเพื่อนอยากไป
แต่เอ๊ะไม่เคยผ่านตาเลยว่าใครเค้าไปกัน หาข้อมูลกันคืนวันที่ 2 นี่แหละว่าไปยังไง มีรถขึ้นเขาไหมยังไง

Langbiang
Langbiang เป็นเทือกเขาที่อยู่ด้านบนของเมืองดาลัด ห่างจากตัวเมืองประมาณ 12 กิโลเมตร  มีความสูง 2169 KM จากระดับน้ำทะเล สามารถนั่งรถจี้บขึ้นไปเที่ยวได้ หรือใครจะ trekking ก็ได้เช่นกันครับ

Langbiang mountain is located in Lac Duong district which is 12km from Dalat in the North. With its height of 2,169m above the sea level, langbiang mountain has not only been an attractive tourist site bit also kept legend about a passionate love.

การเดินทาง
– สามารถติดต่อเช่ามอไซด์หรือถ้าใครขับไม่เป็น แท็กซี่ได้ที่โรงแรมที่คุณไปพักได้เลยครับ
– ซื้อทัวร์ one day trip ไปประมาณ 280,000 VND ดูดีเทลด้านล่าง

ผมไปจากโรงแรมทิวลิปที่อยู่กลางเมืองระยะทาง 9.5 km

ค่าใช้จ่าย
– ค่ารถจี้บขึ้นลงเขา คนละ 40,000 VND หรือ 60 บาท เท่านั้นถูกมากๆ

เพิ่มเติมทัวร์ดาลัดครับ มีที่ไป langbiang ด้วยสำหรับคนที่ขับมอไซด์ไม่เก่ง

Dalat city tour 1 day: << อันนี้ที่ผมเที่ยววันแรก
1.Truc Lam Zen Meditation Monastery.
2.Tuyen Lam lake.
3.Datanla falls.
4.Valley of love.
5.Bao Dai’s Summer Palace.
6.Domain de Marie Church.
7.Traditional embroidery village XQ
8.Stop over at Dalat Jam workshop to enjoy jam & buy specialaities.
Price: 200.000vnd/person
Dep: 8:30am – Finish: 4:00pm
Included: Entrance fees, car, tour guide

Langbiang trekking tour:
1.Visitting Lat minoty Village
2.Trekking up to Langbiang mountain
3.Domain de Marrie church
4.Lam Đong Museum
5.Golden Velley
6.Old railway station
Price: 260.000 vnđ
Dep: 8:30am – Finish: 4:00pm
Included: Entrance fees, car, tour guide

 

 

เพื่อนซ้อนท้ายผมขับไปตาม Googlemap เลยครับ ระยะทางจากโรงแรม ทิวลิป คือ 9.5 KM ขับไปก็หนาวดีครับ ลมปะทะพร้อมอากาศเย็นๆ บรือออออ พอไปถึงก็ไปซื้อตั๋วรถจี้บขึ้นไปด้านบนเขากันครับ ดูตามภาพที่ผมวงไว้ ที่ขายตั๋วรถจี้บอยู่ใกล้ปากทางเข้าเลยครับ

ค่ารถขึ้นเขาไปกลับ คนละ 40,000 VND หรือประมาณ 60 กว่าบาทเท่านั้นถูกมากๆ

พนักงานจะจดชื่อเราไว้แล้ว ของผมพนักงานบอกให้อีกประมาณ 30 นาทีให้มารอเรียกชื่อ
เค้าจะประกาศผ่านไมด์ครับ เราก็เดินไปถ่ายรูปกับป้ายบนเนินตรงโน้นไปกันเลย

ถ่ายกะป้ายว่ามาถึงแล้ว ฟ้าที่นี่สวยมากๆเลยครับ

บนเนินนี่มีม้าให้ขี่ได้ด้วยนะครับ ราคาไม่ได้ถาม เพราะเป็นทริปประหยัดครับ

พอเกือบถึงเวลาเราก็เดินไปรอเรียกครับ ไปได้กระชั้นชิดมาก… มีผู้หญิงเวียตนาม ที่ซื้อตั๋วพร้อมกันถามว่า ชื่อ chill หรือเปล่า
เค้าเรียกให้ขึ้นรถพร้อมกัน ( โชคดี เจอคนใจดีอีกแล้ว ไหนใครบอกคนเวียดนามไม่ดี )

รถจี้บเดียวกันกับรูปที่อยู่บนสุด ขอไม่ลงซ้ำนะครับ ส่วนบรรยากาศการนั่งรถจิ๊บสนุกทีเดียวครับ

ทางขึ้นเขาครับ ใครมีแรงมา trekking ได้ครับ เดินแค่สามชม.แค่นั้นเอง

นั่งประมาณ 15 นาทีเท่านั้นครับก็จะมาถึงจุดชมวิวคนขับรถพูดเวียดนามเพราะคิดว่าทั้งรถคงเวียดนามหมด
ผมเลยถาม ผญ.คนเดิม เค้าบอกว่าอีก 40 นาทีมาเจอกันที่รถ ok ลุยย

ภาพแรกที่เราเห็นคือทะเลหมอก บินผ่านหน้าไปเลย แต่… เราถ่ายไม่ทัน เพราะเพิ่งลงจากรถ ฮ่าๆๆๆ

เดินไปอีกนิดเดียวจะได้วิวอลังการแบบนี้เลย

เดินขึ้นเนินไปนิดจะมีจุดถ่ายรูปครับ

ด้านบนนี่ก็มีม้าให้ถ่ายรูปนะครับ แต่ไม่สามารถขี่ได้นะ อันตราย

อีกสักภาพกับวิวสวยๆก่อนหมดเวลา 40 นาที ต้องลงเขาครับ
*จำทะเบียนรถเราไว้ด้วยเราต้องกลับไปขึ้นรถคันเดิมนะครับ

พอกลับจาก Langbiang เราตั้งใจจะไป ไปวัดที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองดาลัด Dragon pagoda กันครับ
และด้วยความที่เราเช่ามอไซด์ขับเอง อยากแวะไหนก็แวะ  ระหว่างทางเจอโบสถ์รึเปล่า สวยดีก็เลยแวะถ่ายรูปสะหน่อย

ระหว่างทางไป Dragon pagoda ก็เจอวัดจีน เป็นวัดที่ไม่ดังแต่สวยและน่าศรัทธาครับ
แวะเข้าไปไหว้พระกันสักหน่อย

ถึงแล้วครับ Dragon pagoda วัดเก่าแก่ที่สุดในดาลัด

จากนั้นเราก็ไปกินร้าน BA NGHIA แหนมเนืองอร่อยสุดในสามโลกที่เมื่อวานเพิ่งค้นพบอีกครั้ง
ดีเทล พิกัด ลงไว้ในกระทู้ที่แล้วนะครับ หรือ http://pantip.com/topic/31766427/comment9

เพิ่งผ่านไปครึ่งวันยังไม่จบทริปครับ ด้วยความที่ผมเห็นภาพนี้ ในพวกเว็บ most 50 beatiful place in the world ทำนองนี้
แล้วแบบว่ามันสวยมากกกกกกกกกกกกกกกกก

credit : ภาพจาก google

แล้วพบว่าน้ำตกนี้ชื่อว่า Prenn waterfall ดูจาก Google แล้วก็ไกลแต่เอาวะไหนๆก็มาแล้ว คงไม่ได้มาบ่อยๆ

ดูแผนที่กันก่อนครับ 31.3 KM สำหรับคนที่ปกติไม่ได้ขับมอไซด์นี่ถือว่าเยอะมาก

แล้ว แล้ว แล้ว เราก็แว๊นไปจนถึงจนได้

แล้วก็พบน้ำตกเล็กๆไม่อลังการ งานสร้างแบบที่เราถ่อมาถึง เห้ย!!!!!

ก็เลยถามคนที่น้ำตกนี้ด้วยการเอารูปให้เค้าดูครับ เค้าบอกว่าไม่ใช่น้ำตกนี้ต้องไปอีกประมาณ 30 กิโล ห๊ะ !!
ช็อคครับช็อค
สุดท้ายเราก็ไปกันครับ ด้วยคำว่าสักครั้งในชีวิตจะได้ไม่คาใจ
เข้า Google search น้ำตก Pongour แล้วนำไปเลย

( ระยะจริงไกลกว่านี้ครับเพราะ มันจะมีทางตรงที่มอไซด์เข้าไม่ได้รถได้อย่างเดียว )

เมื่อเรามาถึงก็พบว่า ว่า ว่า
.
.
.
เรามาหน้าหนาว มันไม่มีน้ำครับ

ผมถ่ายตั้งนานได้มาเท่านี้ครับ

16:30 ก็ต้องรีบออกจากน้ำตกกลับเมืองกันครับ กลัวมืดแล้วจะยิ่งอันตราย ขับยิงยาว
แล้วก็มาถึงเมืองอย่างปลอดภัยประมาณ 17:45 กำลังจะมืด
(ระยะจริงไกลกว่านี้ตามที่บอกว่า ถนนตรงๆเลยมอไซด์เข้าไม่ได้ ได้ขับผ่านถนนชาวบ้าน มากมาย)

น้ำมันที่เราเติมไปเกือบ 4 ลิตรเมื่อเช้ายังเหลืออีกหน่อย เลยขับวนรอบทะเลสาบรอบหนึ่งก่อนกลับโรงแรม
จากโรงแรมเราก็ออกมาเดินเล่น กินลมชมวิวตลาดกลางเมืองดาลัดกันไปเพลินๆจบวันนี้ครับ พรุ้งนี้เราจะนั่งรถไป เมืองทะเลทรายมุยเน๋กันวันที่ 4
เช้าอีกวันเรานั่งรถบัสจาก ดาลัด ไปเมืองมุยเน๋กันครับ ค่ารถไม่แพงคนละ 130,000 VND เท่านั้น จองกับโรงแรมได้เลย

ระยะทางประมาณนี้ครับคือประมาณ 180-200 กิโล แต่ใช้เวลานั่ง 5-6 ชม. ได้ทางค่อยๆลงเขามา
ใครทนนั่งรถโหดๆไม่ได้เส้นทางนี้ไม่แนะนำครับ(เอา mask ปิดจมูกไปด้วยนะครับฝุนเยอะ)แต่ข้อดีก็คือ ถนนข้างทางสวยจริงๆ
คำเตือน – ห้ามกินน้ำใดๆก่อนขึ้นรถ เพราะไม่มีแวะห้องน้ำ ผมปวดจนทนไม่ไหวไปชี้ๆให้คนขับจอดข้างทางให้ยิงกระต่าย

รถบัสที่เวียดนาม ผมชอบมากตรงที่เค้าจะไปส่งเราถึงที่โรงแรมเลยครับ บอกชื่อไปก็พอ
คืนนี้เราพักกันที่ http://www.duyanguesthouse.com/en/ ครับทำเลก็ถือว่าดี ใกล้ fairy stream
ราคาไม่แพง ( คืนละ 600 ) มีแอร์ ไม่มีอาหารเช้า แล้วก็ไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร สำหรับสายถึกก็ถือว่าสอบผ่าน

พอเราทานข้าวที่เกสเฮ้าส์เสร็จก็ไปเช่ามอไซด์ ที่มุยเน๋คล้ายๆพัทยาบ้านเรา ทุกๆอย่างแพงไปหมดครับ
เราได้รถมอไซด์มาครึ่งวันพร้อมน้ำมัน 2 ลิตร 200,000 VND เท่ากับที่เช่าที่ดาลัดทั้งวัน+ น้ำมัน 4 ลิตรเลย

เป้าหมายแรกเราก็คือ Fairy stream เพราะมันใกล้ที่สุดครับ
จอดรถมอไซด์แล้ว ถอดรองเท้าแล้วเดินลุยน้ำโคลนไป

เดินไปสักพักจะเจอเนินทรายสูงๆครับ ปีนขึ้นไปเลย โคตรเหนื่อย

เหนื่อยแต่คุ้มแน่เพราะได้วิวดีๆแบบนี้ครับ ( พวกผมไม่ได้เดินไปจนสุด อยู่แค่จุดนี้แล้วเดินกลับ )

จากนั้นเราก็แว๊นมอไซด์ไปที่ Red Sand dune กันต่อครับ

เจอแสงทะลุเมฆมาพอดี

มีเด็กๆมาตื้อให้เล่น Sand boarding ตื้อตั้งแต่จอดมอไซด์เลย จริงๆพี่ก็อยากเล่นละแต่แกล้งต่อราคาไปงั้น
โดนไป 20,000 VND ครับ เล่นได้ 3 รอบประมาณนั้น ทรายเข้าหน้าเข้าปากเต็มที่ ใครจะเล่นเตรียมใจไว้เลยเปรอะสุดๆ
( ตอนจ่ายเงินให้ไป 29,000 VND เด็กเกรียนเดินไปแป๊ปหนึ่งบอกว่าให้ไม่ครบ ให้มาแค่ 9,000 VND แหมม โกงแต่เด็ก ก็ไม่ได้ให้เพิ่ม ขำขำไป )

ก่อนกลับเจอ นางแบบเวียดนามใส่ชุดประจำชาติ มาถ่ายแบบเลยแอบถ่ายมาครับ
( ไม่มี len tele ซูมสุดได้แค่นี้ครับ )

พระอาทิตย์จะตกแล้ว วันนี้เรามีเป้าหมายไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกกันที่ Fishing village ครับ
เพื่อนตากล้องที่ไปด้วยกันหาข้อมูลมาเสร็จสรรพ ถ่ายไหนสวย เราตามอย่างเดียว

ไม่ใช่จุดชมวิวที่เค้าชอบดูกันนะครับ อันนี้ไปตรงไหนสักที่แหละเพื่อนมันดู map แล้วชี้ไปสวยจัง

ไปมุมยอดนิยมที่ชาวบ้านเค้ามาดูกันบ้างครับ ก็สวยดีนะครับ

จากนั้นมืดแล้ว มามุยเน๋ก็ต้องหาอาหารทะเลกินครับ Budget trip ของเราพัง ณ วันนี้
แต่เอาวะ lobster ถูกกว่าไทยตั้งเยอะ อยู่ไทยไม่มีปัญญากิน ( แนะนำให้ใส่แค่หอยเชลล์ กับ ลอปเตอร์พอครับ กุ้งหมึกปู แพงกว่าบ้านเราหมด )

หอยเชลล์อบเนย กระเทียม

ลอปเตอร์ กิโลละ 750,000 VND ครับตัวนี้ประมาณ 1.4 KG (ลองเทียบกับมือถือจอ 4.3 นิ้วข้างๆดูครับ)

วันที่ 5 วันสุดท้ายครับ

วันนี้เราซื้อทัวร์ครึ่งวันเช้ากันที่ปกติแล้วเค้าจะพาไป
1. ดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ white sand dune
2. red sand
3. fishing village
4. fairy stream

แต่เราไปเก็บตก 3 อันล่างมาแล้วเพราะฉะนั้นเป้าหมายเราคือ พระอาทิตย์ขึ้นที่ white sand dune ตื่นตั้งแต่ตี 4 ไปกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างเลย

ไปก็เดินเหนื่อยเลยครับ ค่อยๆกระดึบๆไปจนถึงจุดสูงสุดของทะเลทรายย่อมๆนี้จนได้

ใครเดินไม่ไหวมีรถ ATV พาไปส่ง / เช่าขับได้ครับ

และแล้วแสงแรกที่เรารอคอยก็มาถึงจนได้

ขึ้นเต็มใบแล้วครับ คุ้มค่ากับการรอคอย

ตอนเดินมาค่อยๆเดินไงครับ เดินพักเดินพักแต่ขากลับมองกลับไปโคตรไกลเลย

พวกเรากลับมาจาก white sand dune ค่อนข้างช้า ลุงคนขับรถหน้าเซ็งเลย เราก็พยายามบอกว่าไปแค่ fishing อีกที่พอ ลุงไม่เข้าใจ
ลุงพาไป red sand เราก็บอกว่า no no โอเคลุงเข้าใจลุงบอก same same เราก็เข้าใจลุงขับรถต่อไปดู fishing village เราได้ชมวิถีชาวบ้านตอนเช้า
จากนั้นบอกลุง hotel hotel รอบนี้ลุงเข้าใจแล้ว เราอาบน้ำพักผ่อนแป๊ปหนึ่งรถก็มา จากหน้า เกสเฮ้าส์ 10:30
ไปโฮจิมิน นั่งประมาณ 10 ชม.(มีแวะให้ทานข้าว เข้าห้องน้ำ2ครั้ง)ถึงโฮจิมิน 18:20 เรากลัวรถติดตกเครื่อง
เลยไม่ได้ช็อป โบกแท้กซี่ไปสนามบินกันเลยครับ ( ที่สนามบินมีกาแฟซองขาย ราคาไม่แพงไปซื้อฝากที่สนามบินได้ )

ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้ครับ หวังว่าจะสนุกกับการตามรอยนะ 🙂

ติดตามการเดินทางของชิวตามไปที่ ::

Instragram :@ChillJourneyTH
Facebook Page : Chill Journey :: เที่ยวอย่างชิว
Youtube : ChillJourney

Blog แนะนำเคล็ดลับการจองที่พัก อ่านเถอะจะได้ไม่พลาดอีก!